ผบ.ทบ.ชี้กองทัพไม่ใช่ คสช. ขอทุกฝ่ายก้าวข้ามอดีต

วันนี้ (19 ก.ค.2562) พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก เปิดเผยหลังเป็นประธานวันคล้ายวันสถาปนากองทัพน้อยที่ 1 ครบรอบปีที่ 31 ถึงสถานการณ์ความมั่นคงภายหลังไม่มี คสช.และ กกล.รส.ว่า ขณะนี้กำลังเขียนบทความเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันที่เกิดขึ้น และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาในอดีต รวมถึงความเชื่อมโยงต่างๆ ทั้งเรื่องความมั่นคงและสถานการณ์ในโซเชียลมีเดีย โดยขณะนี้พยายามเรียบเรียงมาได้ 2 สัปดาห์แล้ว แต่ยังไม่เสร็จ ซึ่งหากเสร็จสมบูรณ์จะนำมาเผยแพร่ต่อสื่อมวลชนพร้อมกัน

พล.อ.อภิรัชต์ ระบุถึงการดูแลจัดระเบียบสังคมว่า อย่าอยู่กับอดีต เพราะวันนี้ไม่มี คสช.แล้ว แต่มีผู้ที่พยายามพูดโยงเรื่องต่างๆ ซึ่งโดยส่วนตัวถ้าจะให้สัมภาษณ์หรือพูดอะไรก็จะพูดกับสื่อมวลชนเป็นส่วนใหญ่ และไม่เคยแอบไปพูดที่ไหน รวมทั้งไม่ได้ใช้โซเชียลมีเดีย แต่กลับถูกโซเชียลมีเดียทำให้เกิดผลกระทบ ซึ่งเป็นธรรมดาและก็ยอมรับได้ โดยไม่คิดจะฟ้องร้อง เพราะไม่ใช่เพียงคนเดียวที่ได้รับผลกระทบจากโซเชียลมีเดีย

ยึดหลักการ "คำพูดเป็นนายของตนเอง"

ทั้งนี้ ยึดหลักการที่ว่าคำพูดเป็นนายของตนเอง ดังนั้น เมื่อพูดออกมาแล้วก็ต้องรับผิดชอบ และย้ำว่าหากพูดอะไรออกไปก็ต้องรับผิดชอบ พร้อมย้ำว่าขณะนี้ต้องอยู่กับปัจจุบัน และทำปัจจุบันให้ดีที่สุด เพื่อสร้างอนาคตที่ดีให้กับประเทศชาติ ซึ่งกองทัพกลับมาอยู่ในระบบการทำงานของกองทัพแล้ว พร้อมย้ำกองทัพไม่ใช่ คสช. และโดยส่วนตัวไม่ใช่เลขาธิการ คสช.แล้ว จึงขอให้ทุกคนร่วมกันก้าวข้ามเพื่ออนาคตของประเทศ

ทั้งนี้ กองทัพเป็นเพียงองค์กร หรือเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาล และในด้านของสายการบังคับบัญชา กองทัพก็ต้องฟังนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งปัจจุบันมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง และมีคณะรัฐมนตรีแล้ว โดยที่หลายประเทศแม้แต่ประเทศสหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น ได้ส่งหนังสือแสดงความยินดี หลังจากที่ ครม.ได้เข้าเฝ้าถวายสัตย์ฯ ต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งถือเป็นการตอบรับจากอารยประเทศ ที่เป็นต้นแบบของประชาธิปไตย

ปรับ ครม.ใหม่ ไม่กระทบแก้ปัญหาชายแดนใต้

แม้ประเทศไทยมีประชาธิปไตยตามจารีตประเพณีวัฒนธรรมของตนเองที่ถูกออกแบบไว้แล้ว แต่เชื่อว่าทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้ตามรัฐธรรมนูญ เพื่อให้สอดคล้องกับยุคสมัย แต่สิ่งที่เปลี่ยนยากคือจิตใจของคน พร้อมเชื่อมั่นว่าการปรับเปลี่ยน ครม.ชุดใหม่ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่มีผลกระทบต่อการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะการปฏิบัติยังดำเนินการไปตามปรกติ