เดือนตุลาคมนี้ ฝรั่งเศสกำลังจะเรียกเก็บภาษีดิจิทัล 3 % จากบริษัทผู้ให้บริการดิจิทัลที่ทำรายได้ในประเทศฝรั่งเศส โดยเริ่มเก็บย้อนหลังจากรายได้ที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2562 เป็นต้นมา
ประเทศฝรั่งเศสประมาณการว่า จะจัดเก็บภาษีได้ปีกแรก 400 ล้านยูโร หรือราวๆ 14,000 ล้านบาท
นี่เป็นปรากฏการณ์ที่น่าจับตา น่าติดตาม ว่าจะสำเร็จหรือไม่ เพราะสหรัฐฯ ออกโรงคัดค้านการจัดเก็บภาษีบริการดิจิทัลของฝรั่งเศสแล้ว โดยขู่ว่า หากฝรั่งเศสทำ สหรัฐฯก็จะใช้มาตรการภาษีตอบโต้สินค้าของฝรั่งเศสด้วย
กฎหมายฝรั่งเศสไม่ได้เจาะจงบริษัทอเมริกัน แต่รายได้ของผู้ให้บริการ เช่น ดาวน์โหลด โฆษณา ฟังเพลงขายสินค้า ส่วนใหญ่เป็นบริษัทผู้ให้บริการดิจิทัลสัญชาติอเมริกันเป็นหลักไม่ว่าจะเป็นบริษัท กูเกิล แอปเปิล เฟซบุ๊ก หรืออเมซอน ที่เข้าข่ายต้องถูกเก็บภาษีภายใต้กฎหมายใหม่ของฝรั่งเศสทั้งสิ้น
ทรัมป์บอกผู้สื่อข่าวว่า อาจขึ้นภาษีกับฝรั่งเศส เพราะฝรั่งเศสโจมตีบริษัทอเมริกัน ซึ่งอเมริกาจะโต้ตอบโดยเก็บภาษีไวน์ ไวน์สหรัฐฯ ดีกว่าฝรั่งเศส แม้ว่าเขาไม่ดื่มไวน์ สหรัฐฯ แต่นำเข้าไวน์จากฝรั่งเศสประมาณ 20 %
การเดินหน้าเก็บภาษีผู้ประกอบการดิจิทัล เป็นการแก้ปัญหาการค้าที่เป็นธรรม หรือกีดกันทางการค้ากันแน่ อย่างแรก การเก็บภาษีของฝรั่งเศสดำเนินการมาหลายปีแล้ว บริษัทดิจิทัลในประเทศเสียภาษีรายได้ตามปกติ แต่บริษัทข้ามชาติสัญชาติอเมริกัน ไม่ต้องเสียภาษี ทำให้ผู้ประกอบการในประเทศเสียเปรียบ
นายปิติ ศรีแสงนาม ผู้อำนวยการศูนย์เศรษฐกิจระหว่างประเทศ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มองว่า ประเทศต่างๆ กำลังได้รับผลกระทบจากนโยบายปกป้องตัวเองของสหรัฐฯ สูญเสียรายได้ จึงต้องหาทางออกอื่น จึงใช้มาตรการด้านภาษีกีดกันการค้าเช่นกัน แต่เชื่อว่าเป็นการยากที่ฝรั่งเศสจะเริ่มมาตรการนี้ และส่งผลเสียต่อการค้าโลก
นอกจากฝรั่งเศส ที่ออกกฎหมายนี้เป็นประเทศแรกแล้ว อังกฤษก็กำลังจะนำเสนอมาตรการเก็บภาษีจากบริการดิจิทัลเข้าสู่สภาเป็นรายต่อไป สเปนก็น่าจะเป็นอีกประเทศหนึ่ง รวมถึงรัฐมนตรีคลังกลุ่ม G 7 ยังมีมติร่วม กันโดยเห็นชอบในหลักการ ต้งเป้าหมายให้บังคับใช้ภายในปี 2563 นี่คือแนวคิดที่ว่าเป็นการแก้ปัญหาการค้าที่เป็นธรรม
นายนณริฏ พิศลยบุตร นักวิชาการทีดีอาร์ไอ ประเมินว่า หากฝรั่งเศสเก็บภาษีผู้ให้บริการออนไลน์ต่างชาติจริง บริษัทสหรัฐฯ จะยอมทำตาม แต่ฝ่ายการเมืองก็จะเจรจา หรือ ข่มขู่ เพื่อปกป้องบริษัทสัญชาติอเมริกันแน่นอน
ท่าทีของทรัมป์ ไม่ได้เป็นเรื่องแปลก แม้ดูแล้วพูดไม่ถูกใจนัก เป็นหน้าที่ ที่จะปกป้องอเมริกัน แต่มันอาจมากไป เพราะท่าทีเรื่องไวน์ ก็ลามไปถึงไวน์ใครดีกว่า
ไม่ใช่กลุ่มยุโรปที่เก็บภาษีนี้ แต่ไทยเองก็เตรียมการมาพอสมควร ไทยมีร่างกฎหมายเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากบริษัทข้ามชาติ ที่ยังไม่ผ่านรัฐสภา
ไทยควรยึดหลักกฎหมาย แก้กฎระเบียบ เตรียมพร้อม เพียงแต่การประกาศให้มีผลบังคับใช้ก็ต้องใช้ดุลยพินิจที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้ถูกตอบโต้เหมือนฝรั่งเศส
ศึกครั้งใหม่ใครชนะยังบอกไม่ได้ เพราะสหรัฐฯ มีอำนาจต่อรองมากพอสมควร แต่สหรัฐฯ กำลังเปิดศึกหลายหน้าไปทั่วโลก