วันนี้ (19 ส.ค.2562) นพ.ขจรศักดิ์ แก้วจรัส รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุว่าภายหลังจากที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประกาศชัดว่า “บุหรี่ไฟฟ้ามีพิษภัย ห้ามนำเข้า 100% เป็นอันตรายต่อเด็กและเยาวชน“ พร้อมทั้งสั่งให้กรมควบคุมโรค ในฐานะรับผิดชอบงานควบคุมการบริโภคยาสูบ ทำความเข้าใจถึงพิษภัยของบุหรี่ไฟฟ้าเพื่อให้รู้เท่าทัน และไม่ผันตัวเข้าไปเสพติดบุหรี่ไฟฟ้าที่นำออกขายหลายรูปแบบ ปรุงกลิ่นให้หอมชวนสูบ ซึ่งผลท้ายที่สุดคือนำไปสู่การเสพติดนิโคตินที่มากขึ้นกว่าเดิม
สำหรับสารนิโคตินที่มีอยู่ในบุหรี่ไฟฟ้าในปริมาณที่สูง หรือแม้แต่ในบุหรี่มวนทั่วไป ฝ่ายธุรกิจพยายามบิดเบือนว่าไม่ได้เป็นสาเหตุหลักของการเกิดโรคจากการสูบบุหรี่ แต่ความเป็นจริงแล้วในทางการแพทย์ชี้ชัดว่า สารนิโคตินที่มีอยู่ในบุหรี่ไฟฟ้าในปริมาณที่สูง ส่งผลเสียโดยตรงต่อสมองและระบบประสาท และเมื่อเกิดการเสพติดสารนิโคตินแล้ว ร่างกายจะต้องการสารนิโคตินเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้าต้องเพิ่มปริมาณหยดน้ำยานิโคตินเพิ่มขึ้นตามความต้องการที่สมองสั่งการ เกิดผลเสียต่อระบบอวัยวะในร่างกายหลายระบบ เช่น ความดันโลหิตเพิ่มสูงขึ้น อัตราการเต้นหัวใจเพิ่มขึ้น หายใจถี่ขึ้น ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น รวมถึงยังทำให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายอ่อนแอลง เจ็บป่วยได้ง่ายขึ้น และที่สำคัญยังทำให้เซลล์ในร่างกายเจริญผิดปกติ กลายเป็นโรคมะเร็งในที่สุด
กระบวนการทำงานของบุหรี่ไฟฟ้า ที่เป็นระบบให้ความร้อนจากขดลวดไฟฟ้าและผู้สูบสามารถปรับระดับได้เอง ทำให้เกิดไอละอองสีขาวของนิโคตินได้ละเอียดและมากขึ้น ซึ่งเป็นผลให้ผู้สูบได้รับนิโคตินเข้าสู่ร่างกายเพิ่มมากขึ้นและไอละอองสีขาวเหล่านี้แม้มีกลิ่นหอม แต่นั่นคือบุหรี่มือสองและมือสามที่ทำลายสุขภาพผู้ที่ไม่สูบ
กรมควบคุมโรค จึงขอแจ้งเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อหรือตกเป็นเหยื่อให้กับผลิตภัณฑ์ยาสูบรูปแบบใหม่ โดยเฉพาะบุหรี่ไฟฟ้าซึ่งเป็นสินค้าเสพติดและทำลายสุขภาพผู้สูบและคนรอบข้าง และหากมีความประสงค์ในการขอคำปรึกษาเพื่อเลิกบุหรี่ โทร.1600 หรือเข้ารับบริการที่สถานพยาบาลใกล้บ้านท่านทั่วประเทศ ทั้งนี้ ประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่กองงานคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ กรมควบคุมโรค 02-590-3850 หรือสายด่วน โทร.1422