วันนี้ (23 ส.ค.2562) พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุม มีมติเห็นชอบแนวทางการแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้ 2 เรื่อง คือการขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งจะต้องนำมติ เสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ยกเว้น อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี อ.เบตง จ.ยะลา อ.สุไหงโก-ลก อ.สุคิริน และอ. ศรีสาคร จ.นราธิวาส ออกไปอีก 3 เดือน หลังจาก พ.ร.ก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 จะสิ้นสุดในวันที่ 19 ก.ย.นี้ โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 20 ก.ย.-19 ธ.ค.นี้ เพื่อให้เป็นเครื่องมือการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในการรักษาความสงบเรียบร้อยและดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้ปรับลดพื้นที่ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ใน อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส เปลี่ยนมาใช้พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 แทน นอกจากนี้ยังมีการแก้ไขเพิ่มเติมประกาศตามมาตรา 11 ของพระราชบัญญัติกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินพุทธศักราช 2548 โดยเปลี่ยนแปลงหน่วยงานรับผิดชอบในส่วนของการจัดระเบียบการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่จากกระทรวงเทคโนโลยีสาระสนเทศและการสื่อสารมาเป็นคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจตามหน้าที่และอำนาจของกฎหมาย ซึ่งถือเป็นมาตรการเชิงบวกที่สำคัญในการเสริมสร้างประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และเพิ่มประสิทธิภาพในมาตรการรักษาความปลอดภัย ชีวิตและทรัพย์สินให้กับประชาชนในพื้นที่