เปิดตัวใหญ่ ควบม้าสีหมอกมือเดียวจากถนนเข้าสู่งานแถลงข่าว บอกว่ามาไกลจากสุพรรณบุรีบ้านขุนแผน เล่นใหญ่ขนาดนี้ เพื่อให้สมบทบาทใหม่ของ "มาริโอ้ เมาเร่อ" ในภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ "ขุนแผน ฟ้าฟื้น" นอกจากฝึกหลักสูตรขี่ม้าแบบรวบรัด 12 ชั่วโมง จนตกม้าตั้งแต่วันแรก ยังเชิญผู้เชี่ยวชาญมาสอนการท่องคาถาอาคม และตลอดการถ่ายทำหนุ่มมาริโอ้ ยังต้องพูดสำเนียงสุพรรณให้ชิน กลับมาเล่นภาพยนตร์ในรอบ 2 ปี ก็รับบทย้อนยุค พ่วง comedy อีกครั้ง แต่มาริโอ้ ไม่กลัวซ้ำ มองว่าเรื่องใหม่เป็นความท้าทายใหม่ทางการแสดง
วรรณคดี ขุนช้าง ขุนแผน คนไทยรู้จักดี นี่จึงเป็นเรื่องราวที่คนไทยมีความรู้สึกร่วม แต่จะทำอย่างไรให้เนื้อเรื่องที่คนรู้หมดเปลือกแล้วยังน่าดึงดูด เป็นที่มาของการนำมาปัดฝุ่นตีความใหม่ เป็นหนังแนวคอมมาดี้ ดราม่า แฟนตาซี ชูจุดขายว่าขุนแผนไม่ใช่ผู้วิเศษ และเรื่องเจ้าชู้ก็ไม่ใช่หัวใจหลัก ซึ่ง "มาริโอ้" เคยเล่นหนังไทยๆ ตีความใหม่มาแล้วใน "พี่มาก..พระโขนง" ประสบความสำเร็จจนเป็นพระเอกพันล้าน มารับบทนำเรื่องนี้ หนังจึงมีหวังตีตลาดจีน
"ขุนแผนเป็นสิ่งที่อยู่อยู่กับคนไทย ทุกคนรู้จักอยู่แล้วครับ แต่เวอร์ชั่นนี้เป็นขุนแผนช่วงวัยรุ่น การตีความใหม่มันทำให้ตัวละครมีมิติมากขึ้น ทำให้เข้ากับยุคสมัย" มาริโอ้ ตอบสื่อ
ได้ดาราที่มีแฟนคลับทั่วเอเชียมาเป็นพระเอก ผู้กำกับ ก้องเกียรติ โขมสิริ บอกเลยว่าหวังทำตลาดจากฐานแฟนมาริโอ้แน่นอน ทีมสร้างจึงหวังไกลมีแผนตีตลาดต่างประเทศให้มากที่สุด ในคอนเส็ป "ฮีโร่ไทย" ซึ่ง ก้องเกียรติ โขมสิริ มีแนวคิดนี้มาตั้งแต่ทำหนังผี เช่น ลองของ, เป็นชู้กับผี, โปรแกรมหน้าวิญญาณอาฆาต จักรวาลผีหลายประเภทยังมีได้ จักรวาลฮีโร่ต่างประเทศก็ทำมาแล้ว ทำไมไทยจะมีจักรวาลฮีโร่ของเราบ้างไม่ได้ เรามีตัวละครเด่นๆ เก่งกาจเยอะ เช่น "พระอภัยมณี" ก็น่าลองทำ หากก็มีอุปสรรคอยู่บ้าง เพราะประสบการณ์ทำหนัง "ขุนพันธ์" ทำให้พบว่า เรื่องราวของบุคคลในตำนานหรือประวัติศาสตร์ไทย ตลาดต่างชาติอาจไม่อินด้วย ก็ต้องแข่งขันด้วยจุดขายอื่นๆ
"ถ้าเป็นเรื่องบุคคลจริงบางทีเค้าไม่เกต แต่ถ้าเป็นหนังเค้าพร้อมจะดู พูดง่ายๆเหมือนพอพูดเรื่องฮีโร่ของประเทศหนึ่งขึ้นมา เราไม่รู้จัก เราก็อาจจะไม่อยากดู มันก็เป็นดาบสองคม แต่จากประสบการณ์ก็เลยรู้ว่า การทำไม่ต้องไปยึดว่าคนนี้มีตัวจริง มันก็กลับมาสู่หนัง fantacy, comedy, action ซึ่ง 3-4 อย่างนี้มีตลาดรองรับ"