ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ดีเดย์! เปิดคลินิกกัญชาแผนไทย-จ่ายยาตำรับศุขไสยาศน์

สังคม
2 ก.ย. 62
17:36
1,137
Logo Thai PBS
ดีเดย์! เปิดคลินิกกัญชาแผนไทย-จ่ายยาตำรับศุขไสยาศน์
วันแรกจ่ายยาตำรับศุขไสยาศน์-คลินิกกัญชาแผนไทย ผู้ป่วยสนใจสอบถามจำนวนมาก แพทย์ย้ำไม่ใช่ทางเลือกแรกในการรักษาผู้ป่วย และมีเงื่อนไขเพื่อความปลอดภัย

วันนี้ (2 ก.ย.2562) นพ.มรุต จิรเศรษฐสิริ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ตรวจเยี่ยมการเปิดให้บริการของคลินิกกัญชาทางการแพทย์แผนไทย โรงพยาบาลการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ผสมผสาน ยศเส กทม. ซึ่งเปิดให้บริการคลินิกกัญชาฯ เป็นวันแรก โดยวันนี้ยังไม่มีผู้ป่วยคนใดเข้าเกณฑ์จ่ายตำรับยาศุขไสยาศน์ เนื่องจากแพทย์จะวินิจฉัยอาการและจ่ายยาหลักตามเวชปฏิบัติก่อน

นพ.มรุต กล่าวว่า หลังองค์การเภสัชกรรม (อภ.) จัดส่งยากัญชาตำรับยาศุขไสยาศน์ที่ผลิตโดยโรงพยาบาลพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร จ.สกลนคร รอบแรก ให้แก่โรงพยาบาลแพทย์แผนไทย 13 แห่งครอบคลุม 13 เขตสุขภาพ และโรงพยาบาลระยอง จ.ระยอง อีก 1 แห่ง เพื่อแจกจ่ายโรงพยาบาลละ 150 ซอง จากนั้นในวันที่ 5 ก.ย. อภ.จะทยอยจัดส่งยาศุขไสยาศน์จนครบ 5,000 ซอง

เบื้องต้นมีเพียงโรงพยาบาล 3 แห่งที่จ่ายได้ ได้แก่ โรงพยาบาลการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ผสมผสานยศเส กทม., โรงพยาบาลเสาไห้ จ.สระบุรี และโรงพยาบาลบางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก เนื่องจากแต่ละโรงพยาบาลจะต้องจัดเตรียมความพร้อมของคลินิกกัญชาฯ รวมทั้งแพทย์แผนไทย และแพทย์แผนไทยประยุกต์ผู้มีสิทธิ์จ่ายยา ซึ่งได้ผ่านการอบรมและได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จึงกำหนดเปิดบริการไม่เหมือนกัน

 

เกณฑ์เข้ารับบริการในคลินิกกัญชาทางการแพทย์แผนไทย จะต้องผ่านการคัดกรองตามระบบของโรงพยาบาล เช่น ผู้รับบริการต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป อาการทางคลินิกคงที่ ได้รับการรักษาด้วยยาขนานแรก และวิธีการมาตรฐานทางการแพทย์แล้วอาการไม่ดีขึ้น โดยผู้ป่วยจะต้องผ่านการคัดครองด้วยแพทย์แผนปัจจุบัน ซึ่งจะต้องไม่มีค่าตับ ค่าไตเกินมาตรฐาน ไม่มีประวัติการใช้สารเสพติดและไม่เป็นผู้ป่วยโรคจิตเวช จากนั้นแพทย์แผนไทย และแพทย์แผนไทยประยุกต์ จะพิจารณาเห็นควรได้รับการรักษาด้วยตำรับยาที่มีส่วนผสมของกัญชา

นอกจากนี้ ในการขอรับบริการของคลินิกกัญชาฯ ขอให้ติดต่อเพื่อรับคิวการรักษาในแต่ละโรงพยาบาล เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้จัดเวลาให้แก่ผู้ป่วย เพราะอาจมีผู้ป่วยเดินทางเข้ามาขอรับบริการจำนวนมาก

 

สำหรับตำรับยาศุขไสยาศน์ ซึ่งมีสรรพคุณรักษาผู้ป่วยอ่อนเพลีย ช่วยให้นอนหลับ และฟื้นฟูกำลังของผู้ป่วยโรคเรื้อรัง และแพทย์จะดูจากอาการผู้ป่วยเป็นหลัก โดยต้องเป็นผู้ป่วยที่รักษาด้วยทางเลือกอื่นของแพทย์แผนไทยไม่ได้ผล ก่อนจะมีพูดคุยกับแพทย์ ซักประวัติ ซึ่งหากเห็นสมควรได้รับยา ทางโรงพยาบาลจะจ่ายยาให้รับประทานทันที

ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผู้ป่วย แพทย์จะให้ทานยา โดยยาศุขไสยาศน์มีลักษณะชงกับน้ำใช้ดื่มให้ผู้ป่วยทดลองรับประทานก่อน และจะให้พักอยู่ที่โรงพยาบาลก่อนเป็นเวลา 2 ชั่วโมง เพื่อดูอาการและผลค้างเคียงจากการใช้ยา หากปลอดภัย ไม่พบผู้ป่วยมีอาการแก้กัญชาก็ให้ผู้ป่วยกลับบ้านได้ พร้อมกับจ่ายยาส่วนหนึ่งให้ผู้ป่วยกลับไปรับประมาณ จากนั้นจะนัดหมายมาดูอาการอีก 7 วัน โดยปริมาณมากน้อยจะขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์

เบื้องต้น แพทย์จะให้ผู้ป่วยทานยาวันละ 1 ซอง อย่างน้อย 1 สัปดาห์ หากผู้ป่วยอาการไม่ดีขึ้นจะเพิ่มเป็นวันละ 2 ซอง ให้ทานเช้า-เย็น รวมถึงแพทย์จะมีการโทรสอบถามติดตามประเมินผู้ป่วยอีกด้วย

 

นพ.มรุต กล่าวว่า ในส่วนยากัญชาสูตรตำรับนายเดชา ศิริภัทร หรืออาจารย์เดชา ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ จ.สุพรรณบุรี ขณะนี้อยู่ระหว่างการผลิต ยังไม่มีการแจกจ่ายประชาชน รวมถึงอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในคนกระทรวงสาธารณสุข เนื่องจากการจ่ายยาจะต้องทำควบคู่การวิจัย ซึ่งผู้ป่วยที่จะขอรับน้ำกัญชาสูตรนายเดชาได้นั้น จะเป็นทั้งผู้ป่วยที่ลงทะเบียนไว้และผู้ป่วยที่ไม่ได้ลงทะเบียนก็สามารถรับการรักษาได้ โดยเงื่อนไขจะต้องเปิดเผยข้อมูลผู้ป่วยเพื่อนำมาศึกษาวิจัย คาดจะมีการพิจารณาในอีกไม่นานนี้

 

ด้าน ภกญ.อาภากร บุญธรรม เภสัชกรประจำโรงพยาบาลการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ผสมผสาน ยศเส กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้สนใจโทรมาสอบถามผ่านทางสายด่วน เพื่อต้องการรับการรักษาด้วยตำรับยาศุขไสยาศน์ เป็นจำนวนมาก โดยแพทย์แนะนำให้ผู้ป่วยมาตรวจวินิจฉัยทางคลินิกก่อน พร้อมอธิบายเงื่อนไขการรับยาว่าศุขไสยาศน์ไม่ใช่ทางเลือกแรกในการรักษา โดยแพทย์จะต้องให้ยามาตรฐานของแพทยฺแผนไทยตามเวชปฏิบัติก่อน

ส่วนการเก็บรักษานั้นจะต้องมีความปลอดภัยสูงสุด โดยภายหลังจาก อภ.ได้จัดส่งตำรับมาให้แก่โรงพยาบาลฯ ทางเจ้าหน้าที่จะนำเก็บเข้าตู้ยาที่มีระบบล็อก และความปลอดภัย ซึ่งจะมีการนับจำนวนยาทุกวัน และลงรายงานไว้ในแบบบันทึกจ่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ที่มีกัญชาปรุงผสม และลงบันทึกในบัญชีรับยาของ อย. ซึ่งขณะนี้ อย.อยู่ระหว่างการพัฒนาระบบติดตาม

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง