วันนี้ (3 ก.ย.2562) เวลา 13.00 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ, พ.ต.ท. วรรณพงษ์ คชรักษ์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์, พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ, พ.ต.ท.เชน กาญจนาปัจจ์ ผู้อำนวยการกองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค, พ.ต.ท.เสฏฐ์สถิตย์ สุวรรณคูด รองผู้อำนวยการกองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค, ผศ.วรวีย์ ไวยวุฒิ ผู้อำนวยการกองสารพันธุกรรม สถาบันนิติวิทยาศาสตร์, ดร.สว่างทิตย์ ศรีกิจสุวรรณ หัวหน้าศูนย์วิจัยเฉพาะทางวิศวกรรม อวกาศและทะเล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาสัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ และ พ.ต.ต.นิรุท อินริศร ผู้บังคับกองร้อย กองกำกับการ 3 กองบังคับการสนับสนุนทางอากาศ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ร่วมกันแถลงความคืบหน้าผ่านสื่อมวลชน คดีการหายตัวไปของบิลลี่ หลังรับเป็นคดีพิเศษ ดังนี้
ตามที่คณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ได้มีมตีในการประชุมครั้งที่ 1/2561 เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.2561 ให้การกระทำความผิดทางอาญาอื่นกรณีการหายตัวไปของนายพอละจี แกนนำประชาชนชาวกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก - บางกลอย เป็นคดีพิเศษ ที่ต้องสืบสวนและสอบสวนตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 พฤติการณ์กล่าวคือ นายพอละจี ถูกเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานจับกุมในระหว่างนำน้ำผึ้งออกจากพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานโดยไม่ได้รับอนุญาต เมื่อวันที่ 17 เม.ย.2557 โดยเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมตัว อ้างว่าได้ปล่อยตัวนายพอละจีพร้อมรถจักรยานยนต์ และนำผึ้งของกลางไปโดยไม่ได้ดำเนินคดี แต่ น.ส.พิณนภา พฤกษาพรรณ ภรรยาของนายพอละจี และญาติ เชื่อว่า นายพอละจี หายสาบสูญไปโดยถูกบังคับ
ภายหลังการรับไว้ในกรณีดังกล่าว กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการสืบสวนสอบสวน ได้มีการแต่งตั้งพนักงานอัยการจากสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นที่ปรึกษาคดีพิเศษ และมีการบูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วน ประกอบไปด้วย สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้พระนครเหนือ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ปและพันธุ์พืช และตัวแทนจากองค์การนอกภาครัฐ (NGO) ร่วมกันสืบสวนสอบสวนต่อเนื่องมาโดยตลอด
กระทั่งเมื่อวันที่ 26 เม.ย.2562 และเมื่อวันที่ 22-24 พ.ค.2562 พนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ใช้เครื่องยานยนต์สำรวจใต้น้ำจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ และนักประดาน้ำจากกองบังคับการสนับสนุนทางอากาศ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ตรวจหาพยานหลักฐานที่พื้นที่ใต้น้ำบริเวณสะพานแขวนเขื่อนแก่งกระจาน
การตรวจสอบพบชิ้นส่วนกระดูก 2 ชิ้น ถังน้ำมันขนาด 200 ลิตร 1 ถัง เหล็กเส้น 2 เส้น ถ่านไม้ 4 ชิ้น และเศษฝาถังน้ำมัน จากนั้นได้ส่งให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ทำการตรวจพิสูจน์พบว่า "วัตถุเป็นชิ้นส่วนกระดูกกะโหลกศีรษะข้างซ้ายของมนุษย์ มีรอยไหม้น้ำตาล ร่วมกับรอยแตกร้าว และการหดตัวของกระดูกจากการถูกความร้อนที่อุณหภูมิประมาณ 200-300 องศาเซลเชียส
นอกจากนี้ ยังตรวจพบสารพันธุกรรมตรงกับนางโพเราะจี รักจงเจริญ แม่ของนายพอละจี รักจงเจริญ เมื่อพิจารณาจากสถานที่เกิดเหตุ พยานหลักฐานในสำนวนอื่นประกอบ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ จึงเชื่อว่า วัตถุดังกล่าวเป็นกระดูกของ "นายพอละจี รักจงเจริญ" ที่เสียชีวิตแล้ว โดยไม่ทราบวิธีที่ทำให้ตาย แต่นำมาเผาทำลายเพื่อ "อำพรางคดี"
ส่วนถังน้ำมัน เหล็กเส้น ถ่านไม้ และเศษฝาถังน้ำมัน ได้ส่งศูนย์พิสูจน์หลักฐาน สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ทำการตรวจพิสูจน์หาร่องรอยการผ่านความร้อนและการผุกร่อน ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจพิสูจน์
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 28-30 ส.ค.2562 พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมกับนักประดาน้ำ จากกองบังคับการสนับสนุนทางอากาศ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน และกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ตรวจหาพยานหลักฐานที่พื้นที่ใต้น้ำบริเวณสะพานแขวนเขื่อนแก่งกระจาน ตรวจพยานหลักฐานพบชิ้นส่วนกระดูกเพิ่มเติมอีก 20 ชิ้น ซึ่งอยู่ในระหว่างการดำเนินการ เบื้องต้นทางนิติวิทยาศาสตร์ ระบุว่า 8 ใน 20 เป็นชิ้นส่วนของมนุษย์
ทั้งนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ เห็นว่า พฤติการณ์ของกลุ่มผู้ก่อเหตุที่กระทำผิดครั้งนี้ เข้าข่ายลักษณะเป็นการฆาตกรรมโดยทรมาน และการบังคับบุคคลให้สูญหาย ที่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงตามอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการหายสาบสูญโดยถูกบังคับ และคดีเป็นที่สนใจของประชาชน สื่อมวลชนในประเทศและระหว่างประเทศ จึงแถลงความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนให้ทราบ ซึ่งหลังจากนี้จะเร่งรัดสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มองค์กรที่กระทำความผิดโดยเร็ว
อ่านข่าวเพิ่มเติม
เปิดหลักฐาน ผลตรวจ DNA กระดูกที่พบในแก่งกระจาน
ลำดับเหตุการณ์คดี “บิลลี่” หายตัวนานกว่า 5 ปี
"ดีเอสไอ" แถลงด่วน หลักฐานโยง "บิลลี่" ตายในแก่งกระจาน
อังคณาชี้พบ "กระดูก" ก้าวแรกสู่กระบวนยุติธรรมคดีบิลลี่
"บิลลี่" นักสู้แห่งบ้านบางกลอย
ด่วน! พบหลักฐานสำคัญโยง “บิลลี่” ตาย