วันที่ 3 ก.ย.2562 จากกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แถลงความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนคดีการหายตัวไปของนายพอละจี รักจงเจริญ (บิลลี่) นักปกป้องสิทธิมนุษยชนชาติพันธุ์กะเหรี่ยง โดยพบหลักฐานสำคัญ หนึ่งในนั้นคือกระดูกกะโหลกศีรษะ ที่ตรวจดีเอ็นเอตรงกับแม่ของนายพอละจี และยืนยันว่าเสียชีวิตแล้ว นอกจากนี้ยังพบหลักฐานถังน้ำมัน 200 ลิตร เหล็กเส้น ชิ้นส่วนไม้ และกระดูกมนุษย์ ลักษณะเผาอำพรางคดี
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ระบุว่า จากคำแถลงของดีเอสไอที่ยืนยันว่า พอละจี เสียชีวิตแล้ว โดยบิลลี่หายตัวไปตั้งแต่วันที่ 17 เม.ย.2557 หลังถูกควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี
ขณะที่ปิยนุช โคตรสาร ผู้อำนวยการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ระบุว่า แอมเนสตี้ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับครอบครัวของบิลลี่ ต่อการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก และแอมเนสตี้จะยืนหยัดเคียงข้างครอบครัวจนกว่าทางการไทยจะสามารถนำผู้กระทำผิดมาลงโทษ
นับเป็นสัญญาณที่ดีที่ทางการไทยสามารถนำความคืบหน้าของคดีอาชญากรรมร้ายแรงเช่นนี้มาสู่ครอบครัวของผู้เสียหายและสาธารณชนได้
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการสืบสวนสอบสวนให้ได้มาซึ่งข้อเท็จจริงว่าผู้กระทำและผู้ส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมครั้งนี้คือใคร และต้องนำบุคคลดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามมาตรฐานสากล