วันนี้ (4 ก.ย.2562) นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม กล่าวภายหลังประชุมร่วมผู้บริหารองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เพื่อแผนฟื้นฟูกิจการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ว่า ได้สั่งการให้ ขสมก.ไปจัดทำและทบทวนแผนใหม่ทั้งหมด ก่อนเสนอให้พิจารณาอีก 1 เดือนข้างหน้า โดยขอให้ลงรายละเอียดทั้งจำนวนรถและชนิดเชื้อเพลิงของรถแต่ละประเภทที่จะจัดหา เพื่อประกอบการตัดสินใจในการจัดหารถเมล์ ขสมก.ในอนาคตด้วย
ทั้งนี้ การปรับปรุงแผนฟื้นฟู ขสมก.กระทรวงคมนาคม ยังมอบหมายให้ฝ่ายบริหารไปพิจารณาแนวทางการบริหารหนี้ที่มีมากกว่า 100,000 ล้านบาท โดยก่อนหน้านี้แผนฟื้นฟูฯ กิจการ ได้ศึกษาแนวทางที่จะให้กระทรวงการคลังเข้ามาช่วยรับภาระหนี้ที่เกิดจากการให้บริการเชิงสังคม
ขณะเดียวกันจากการพิจารณาแผนฟื้นฟูดังกล่าว เชื่อว่าหาก ขสมก. สามารถดำเนินการได้ตามแผนฯ จะทำให้ ขสมก.มีผลประกอบการเป็นบวก และสามารถดูแลตัวเองได้ พร้อมทั้งจะเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจแรกที่มีการดำเนินการไม่ขาดทุน รวมถึงเป็นต้นแบบให้กับรัฐวิสาหกิจอื่น
นายศักดิ์สยาม ยังกล่าวต่อว่า ได้สั่งการให้ ขสมก. กลับไปพิจารณารายละเอียดตามข้อสังเกตของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) โดยให้กรอบระยะเวลา 1 เดือน จากนั้นส่งกลับมาให้กระทรวงคมนาคมอีกครั้ง ก่อนเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาต่อไป ทั้งนี้ คาดว่า ขสมก.จะเริ่มดำเนินการตามแผนฟื้นฟูได้ในช่วง มี.ค.2563
สั่งการให้ ขสมก. กลับไปพิจารณารายละเอียดตามข้อสังเกตของสำนักงานสภาพัฒน์ ในส่วนของการบริหารหนี้สาธารณะ การจัดหารถโดยสาร ที่ตัวเลขต่างๆ จะต้องมีความชัดเจน และสามารถอธิบายต่อสาธารณะได้ โดยให้กรอบระยะเวลา 1 เดือน
นอกจากนี้ ขสมก.จะต้องไปพิจารณาการบริหารจัดการเส้นทางการเดินรถระหว่างเส้นทางของรถเมล์ ขสมก. และรถร่วมบริการ ขสมก. ไม่ให้มีการทับซ้อนกัน เนื่องจากในอนาคต ขสมก. จะต้องปรับบทบาทการเดินรถจากสายหลักไปสู่การเป็นรถขนส่งเสริม (Feeder) เพื่อเชื่อมต่อกับระบบขนส่งมวลชนสาธารณะอื่นๆ (Mass Transit) เช่น รถไฟฟ้า เรือด่วนเจ้าพระยา เป็นต้น
ขณะเดียวกัน ในการจัดหารถโดยสารใหม่นั้น จะต้องพิจารณาต้นทุนอย่างชัดเจน มีราคาอ้างอิง และอธิบายได้ รวมถึงจะต้องดูความคุ้มค่าของรูปแบบรถว่าควรเป็นประเภทใด โดยส่วนตัวคิดว่าในขณะนี้ รถโดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) จะมีราคาประหยัดที่สุด