วันนี้ (4 ก.ย.2562) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ยืนยันย้าย นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เป็นอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) ไม่เกี่ยวประกาศปลดล็อกกัญชา-กัญชง โดยเป็นการโยกย้ายปกติสลับหมุนเวียนระดับ 10 เนื่องจากมีคนเกษียณ แต่การประกาศโยกย้ายออกมาในช่วงที่มีการประกาศเรื่องปลดล็อกสารสกัดกัญชาและกัญชง เป็นเรื่องบังเอิญ มซึ่งการแต่งตั้งครั้งนี้ครบหมดแล้ว
เหตุผลของการย้าย นพ.ธเรศ เพราะเคยเป็นรองอธิบดี สบส.มาก่อน ขณะที่ นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เคยดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการ อย.เช่นกัน จึงสับเปลี่ยนหมุนเวียนงานตามหน้าที่ เพื่อให้สะสางปัญหาที่ค้างอยู่ เช่น การติดตามผู้รับเหมางานทิ้งงานกว่า 10 ราย, การขึ้นค่าตอบแทน-ยกระดับ อสม. ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ สบส.
การแต่งตั้งโยกย้ายเป็นไปตามวาระ แทนคนเกษียณ และเป็นบุคลากรที่ผมคิดว่าเหมาะสม สามารถทำงานที่เป็นประโยชน์ และเป็นการเรียนรู้งานในทุกด้าน ซึ่งแต่ละคนเหลืออายุงาน 3-4 ปี เมื่อถึงเวลาเหมาะสมจะได้มีคุณสมบัติแข่งกันเป็นปลัด
ส่วนที่พรรคภูมิใจไทยออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่า การย้ายครั้งนี้เนื่องจากทำสังคมเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับประเด็นกัญชา นายอนุทิน กล่าวว่าไม่ทราบเรื่อง แต่เรื่องของกระทรวงสาธารณสุขไม่เกี่ยวกับพรรค
ขณะเดียวกันได้มอบหมายให้ นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข หารือกับคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษว่าทำได้หรือไม่ หากปรับสัดส่วนทีเอชซีเมล็ดกัญชงจากของใหม่ 0.3% กลับไปใช้ของเดิม 1% หลังเกิดข้อท้วงติงว่าเอื้อเอกชน และไม่ครอบคลุมประชาชนทั่วไป ซึ่งส่วนตัวเห็นว่าไม่น่าเปลี่ยนได้ หากคนทั่วไปเข้าไม่ถึง ซึ่งการผลิตสารสกัดกัญชามีแบบแพทย์พื้นบ้าน แบบโมเดิร์น แบบเมดิคัลเกรด หากเอาแค่ 0.2-0.3% ต้นทุนจะสูง ก็น่าจะขยายได้ ไม่มีปัญหา ยืนยันว่าการปรับแก้ไม่ได้เอาใจใคร แค่เอาให้ได้ผลสำเร็จพอ