วันนี้ ( 4 ก.ย. 2562) นายอิสสระ สมชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายรายงานประจำปี 2560 ของ กกต.เน้นไปที่เรื่องยุทธศาสตร์พัฒนาระบบและกระบวนการการเลือกตั้งพัฒนาการออกเสียงประชามติให้เป็นที่ยอมรับและเชื่อมั่น โดยยกกรณีเหตุการณ์เลือกตั้งในอดีต ที่หากมีการร้องเรียนคดีทุจริตเลือกตั้ง ชี้ไปที่กระบวนของฝ่ายสอบสวนที่มีการเรียกรับเงินเพื่อสู้คดีด้วยคำถามที่ว่า “จะสู้เท่าไหร่” หากไม่สู้ผู้สมัคร ส.ส.ที่ถูกร้องเรียนนั้นจะได้ใบแดง หรือสู้แบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ จะได้ใบเหลือง หรือสู้เต็มที่ก็จะรอดคดี
และเล่าว่าได้เจอด้วยตัวเองด้วย กรณีที่บุตรสาวที่ลงสมัครรับเลือกตั้งใน จ.อุบลราชธานี ที่ในการเลือกตั้ง 24 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งถูกใส่ร้ายป้ายสีจากคู่แข่งขันที่นำให้เงินผู้มีสิทธิตามหมู่บ้านและอ้างว่าเป็นของ น.ส.แนน และเมื่อบุตรสาวแจ้งความต่อตำรวจแล้ว แต่กลับเจอ กกต.จังหวัดแจ้งข้อกล่าวหา โดยอ้างว่า กกต.ใหญ่สั่ง ก่อนที่ กกต.กลางจะแจ้งภายหลังว่ายุติเรื่องเพราะพยานหลักฐานไม่มีมูลความจริง
นายอิสสระยังเล่าด้วยว่า โชคดีที่มีคนรู้จักเป็นตำรวจพื้นที่ซึ่งเป็นพนักงานร่วมสอบสวน และผู้ตรวจการเลือกตั้งก็แนะนำให้ฟ้องกลับ กกต. เพราะด้วยหลักกระบวนการสอบสวนไม่มีที่ไหนที่ผู้แจ้งความร้องทุกข์ แต่กลับถูกตั้งข้อกล่าวหาว่าเป็นผู้กระทำผิด พร้อมยืนยันเตรียมพร้อมกลับ กกต.และขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้
นอกจากนี้ยังอภิปรายการแบ่งเขตเลือกตั้งตั้งข้อสังเกตถึงพื้นที่จังหวัดที่ไม่มี ส.ส.เพิ่มหรือลด แต่กลับมีการการแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ เช่น จ.สุโขทัย จนนำไปสู่การตั้งข้อสงสัยว่าการแบ่งเขตนั้นเพื่อเอื้อประโยชน์ให้ใครหรือไม่ ก่อนจะชี้ไปที่การแบ่งเขตเลือกตั้ง จ.อุบลราชธานี ที่เชื่อว่ามีการมุ่งประโยชน์ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นการเฉพาะหรือให้พรรคการเมืองหนึ่งได้ประโยชน์