หลังจากการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. โดย พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน ก.ตร. เมื่อวันที่ 29 ส.ค. ที่ผ่านมา เพื่อพิจารณาแต่งตั้งข้าราชการตำรวจทดแทนตำแหน่งที่เกษียณอายุราชการประจำปี และเลื่อนตำแหน่งที่สูงขึ้นจำนวน 317 นาย
เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา (7 ก.ย.2562) เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้ประกาศแต่งตั้งข้าราชการตำรวจแล้ว สำหรับตำแหน่งที่ได้รับการแต่งตั้งที่น่าสนใจมีดังนี้
"บิ๊กใหม่-บิ๊กนู-บิ๊กปั๊ด" นั่งรองผบ.ตร.
- พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จเรตำรวจแห่งชาติ เลื่อนขึ้นเป็น รอง ผบ.ตร.
- พล.ต.ท.มนู เมฆหมอก ผู้ช่วย ผบ.ตร. เลื่อนขึ้นเป็น รอง ผบ.ตร.
- พล.ต.ท.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. เลื่อนขึ้นเป็น รอง ผบ.ตร.
ผู้ช่วย ผบ.ตร.ได้รับการแต่งตั้ง 4 ตำแหน่ง ประกอบด้วย
- พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผบช.สำนักงานกฎหมายและคดี
- พล.ต.ท.พงษ์วุฒิ พงษ์ศรี ผบช.ภ.8
- พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ จเรตำรวจ (สบ.8)
- พล.ต.ท.วิรุฬ เอี่ยมไพจิตร์ จเรตำรวจ (สบ.8)
เลื่อน-เวียนตำแหน่ง ผบช.ภาค
- พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม จเรตำรวจ (สบ.8) เลื่อนขึ้นเป็น ผบช.ภ.2
- พล.ต.ต.เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ รองผบช.ภ.4 เลื่อนขึ้นเป็น ผบช.ภ.4
- พล.ต.ต.ประจวบ วงศ์สุข รองผบช.ภ.5 เลื่อนขึ้นเป็น ผบช.ภ.5
- พล.ต.ต.อภิชาติ ศิริสิทธิ์ รองผบช.ก. เลื่อนขึ้นเป็น ผบช.ภ.6
- พล.ต.ต.จิรวัฒน์ ทิพยจันทร์ รองผบช.ภ.6 เลื่อนขึ้นเป็น ผบช.ภ.8
- พล.ต.ต.เชษฐา โกมลวรรธนะ รองผบช.ภ.2 เลื่อนขึ้นเป็น ผบช.ทท.
"บิ๊กอู๊ด" นรต.38 คุมนครบาล
พล.ต.ต.ภคพงศ์ พงษ์เภตรา รอง ผบช.น. (นรต.38) เลื่อนขึ้นเป็น ผบช.น.แทน พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ที่เกษียณอายุราชการในปีนี้ นอกจากนั้นยังมี รอง ผบช.น.อีกหลายคนที่เกษียณอายุราชการ และหมุนเวียนสลับตำแหน่งไปในหน่วยอื่น โดย รอง ผบช.น. ที่ได้เข้ามาดำรงตำแหน่งใหม่ในปีนี้คือ
- พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รอง ผบช.ภ.1
- พล.ต.ต.โชคชัย เหลืองอ่อน รอง ผบช.สยศ.
- พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.ตชด.
- พล.ต.ต.พีระพงศ์ วงษ์สมาน รอง ผบช.ภ.3
- พล.ต.ต.สมประสงค์ เย็นท้วม รอง ผบช.ภ.2
- พล.ต.ต.ไพศาล ลือสมบูรณ์ ผบก.ภ.จว.หนองคาย
- พล.ต.ต.วัฒนา ยี่จีน ผบก.ภ.จว.จันทบุรี
- พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผบก.สส.บช.น.
ผบก.จร.โยกไป ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี ปรับทัพ ศูนย์สืบฯ บช.น.,ผบก.น.1-9
พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ ผบก.จร. ที่คุมจราจรใน กทม. โยกไปเป็น ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี และสลับให้ พล.ต.ต.คมศักดิ์ สุมังคเกษตร ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี มาดำรงตำแหน่ง ผบก.จร.แทน ส่วน ผบก.สส.บช.น. และผบก.น.1-9 ก็ถูกเปลี่ยนตัวหลายตำแหน่ง
- พล.ต.ต.สำเริง สวนทอง ผบก.อก.ร.ร.นายร้อยตำรวจ เป็น ผบก.น.1
- พล.ต.ต.พัฒนา เพศยนาวิน ผบก.น.6 เป็น ผบก.น.2
- พล.ต.ต.สามารถ ศรีสิริวิบูลย์ชัย ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร เป็น ผบก.น.5
- พ.ต.อ.เมธี รักพันธุ์ รองผบก.น.7 เป็น ผบก.น.6
- พล.ต.ต.เอกชัย บุญวิสุทธิ์ ผบก.น.2 เป็น ผบก.น.7
- พล.ต.ต.โชคชัย งามวงศ์ ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา เป็น ผบก.น.9
- พ.ต.อ.สันติ ชัยนิรามัย รองผบก.ป. เป็น ผบก.สส.บช.น.
ปส.ปรับนายพลแทนตำแหน่งเกษียณ-เวียน ตร.นอกหน่วยขึ้นนายพล
หน่วยที่รับผิดชอบปราบปรามยาเสพติดระดับประเทศปีนี้ พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ยังคงเป็นผู้นำหน่วยต่ออีก 1 ปี ก่อนที่จะเกษียณอายุราชการในปี 2563 แต่มีการปรับ รอง ผบช.ใหม่ เพราะมีผู้เกษียณไป 1 คน คือ พล.ต.ต.ชาตรี ไพศาลศิลป์ และเลื่อนตำแหน่งขึ้นผู้บัญชาการอีก 2 คน คือ พล.ต.ต.อาชวันต์ โชติกเสถียร รอง ผบช.ปส. เลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็น ผบช.ร.ร.นายร้อยตำรวจ และพล.ต.ต.กรณ์พัชญ์ กิตติพิบูลย์ เลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็น รองจเรตำรวจ (สบ.7) ทำให้ตำแหน่งรองผบช.ปส. ว่าง 3 ตำแหน่ง โดยปรับเปลี่ยนเป็นดังนี้
- พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ รอง ผบช.ปส. (อยู่ในตำแหน่งเดิม)
- พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ รอง ผบช.ปส. (เลื่อนขึ้นมาจาก ผบก.ปส.2)
- พล.ต.ต.สรไกร พูลเพิ่ม รอง ผบช.ปส. (เวียนตำแหน่งมาจาก รองผบช.สำนักงานกำลังพล)
- พล.ต.ต.มงคล วรุณโณ รอง ผบช.ปส. (เลื่อนขึ้นมาจาก ผบก.น.5)
ตำแหน่งผู้บังคับการในหน่วย ถูกปรับเปลี่ยนเกือบทั้งหมด
- พ.ต.อ.กฤษณ์ วาฤทธิ์ ผบก.ปส.1 (เลื่อนขึ้นมาจาก รอง ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี)
- พล.ต.ต.วัชรินทร์ บุญคง ผบก.ปส.2 (เวียนตำแหน่งมาจาก ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา)
- พล.ต.ต.วัชระ ทิพย์มงคล ผบก.ปส.3 (อยู่ในตำแหน่งเดิม)
- พ.ต.อ.วุฒิพงษ์ นาวิน ผบก.ปส.4 (เลื่อนขึ้นมาจาก รอง ผบก.ขส.บช.ปส.)
- พล.ต.ต.บัณฑิต ทิศาภาค ผบก.สกส. (เวียนตำแหน่งมาจาก ผบก.ประจำ บช.ภ.2)
- พ.ต.อ.(หญิง) วนิดา หาญบุญเศรษฐ ผบก.ประจำ บช.ปส. (เลื่อนขึ้นมาจาก รองผบก.ส.3)
- พล.ต.ต.ชยพจน์ หาสุณหะ ผบก.ขส. (ขอเกษียณอายุราชการก่อนกำหนด 1 ปี ขณะนี้ยังรอนายตำรวจมาทดแทนตำแหน่ง)
สำหรับประกาศรายชื่อตำรวจทุกตำแหน่งทั้ง 317 นาย สามารถตรวจสอบได้ที่ http://news.thaipbs.or.th/content/283909
ประกาศ ณ วันที่ 5 ก.ย. 62 โดยทุกตำแหน่งที่ได้รับการปรับเปลี่ยนจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 62 นี้ เป็นต้นไป