วันนี้ (9 ก.ย.2562) นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยในงานสัมมนาการเพิ่มความโปร่งใสและความซื่อสัตย์ในการจัดซื้อจัดจ้างสาธารณะว่า การแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันเป็นเรื่องที่ทุกประเทศให้ความสำคัญ ซึ่งรัฐบาลมุ่งมั่นให้เป็นสังคมที่ปลอดคอร์รัปชัน แต่ต้องอาศัยทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม โดยสังคมต้องปฎิเสธการเกิดคอร์รัปชันและการให้ข้อมูลที่ถูกต้องเพื่อแก้ไขปัญหาร่วมกัน
ขณะที่กระทรวงการคลังมีหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจ้ดจ้างของกรมบัญชีกลาง ซึ่งปัจจุบันมีการใช้จ่ายภาครัฐสูงถึงร้อยละ 15 ของจีดีพี และมีเป้าหมายลงทุนสูงถึงร้อยละ 20 ต่อปี ส่วนใหญ่ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่จึงต้องนำเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพมาใช้ในการจัดซื้อจัดจ้าง เช่น การใช้บล็อกเชนมาใช้ในการตรวจสอบหนังสือค้ำประกันต่อหน่วยงานภาครัฐ ที่สามารถยื่นผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ทันที และการออกหนังสือรับรองวงเงินสินเชื่ออิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจะสมบูรณ์ภายใน 1 - 2 เดือน
รวมถึงการนำ AI มาใช้ในการตอบคำถามการเสนอราคาและขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างต่าง ๆ ทำให้เกิดความโปร่งใสและรวดเร็วขึ้น คาดว่าระบบแชทบอทภายใน 8 - 9 เดือนจะใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
บล็อกเชน จะเป็นกระดูกสันหลังในการสร้างความโปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้าง และบล็อกเชนจะเชื่อมระบบข้อมูลกับ 3 ภาษี และเชื่อมโยงไปยังหน่วยงานในประเทศทั้งหมดใน 3 เดือน และนอกประเทศในสิ้นปีนี้ให้ได้
ส่วนกรณีโพล นิด้าโพลและสวนดุสิตโพล สำรวจความเห็นประชาชนว่า รัฐบาลสอบตกในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ นายอุตตม ระบุว่า รัฐบาลเพิ่งเข้ามาบริหารงานเพียงระยะเวลาเดือนกว่า ๆ ซึ่งรัฐบาลก็ทำงานเต็มที่และทราบว่าสถานการณ์เศรษฐกิจในโลกเป็นอย่างไร แต่รัฐบาลก็เริ่มดำเนินการดูแลเศรษฐกิจในประเทศให้เกิดความต่อเนื่อง ซึ่งเชื่อว่าหากทำได้อย่างต่อเนื่องตามที่คาดการณ์ไว้ จะทำให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปได้และยืนยันว่า เศรษฐกิจไทยไม่ได้แย่เหมือนกับผลโพลที่ออกมา แต่ก็พร้อมรับฟังทุกฝ่ายที่ให้ข้อมูล โดยเฉพาะที่มองว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ออกมาไม่เพียงพอในการพยุงเศรษฐกิจ ก็จะมีการพิจารณามาตรการอื่น ๆ มาเพิ่มเติมได้
นอกจากนี้ รมว.คลังยังปฎิเสธที่จะตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่ว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้จะขยายตัวได้ถึงร้อยละ 3 ตามเป้าหมายหรือไม่