ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

7 จังหวัด ลุ่มน้ำเจ้าพระยา รับมือน้ำขึ้น 30-80 ซม.

สังคม
9 ก.ย. 62
12:26
10,493
Logo Thai PBS
7 จังหวัด ลุ่มน้ำเจ้าพระยา รับมือน้ำขึ้น 30-80 ซม.
กอปภ.ก. ประสาน 7 จังหวัดภาคกลาง เตรียมรับมือปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ สถานการณ์น้ำ การระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยา และแนวโน้มสถานการณ์ภัยตลอด 24 ชั่วโมง

วันนี้ (9 ก.ย.62) นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ติดตามข้อมูลปริมาณฝนสะสม สถานการณ์น้ำท่า ปัจจัยเสี่ยงในพื้นที่ ประกอบกับสำนักงานชลประทานที่ 12 แจ้งว่า ตั้งแต่วันที่ 8 ก.ย.เป็นต้นไป คาดการณ์ปริมาณน้ำที่ไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาจะควบคุมในเกณฑ์ระหว่าง 900-1,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่งผลให้ระดับน้ำตั้งแต่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น ประมาณ 0.30-0.80 เมตร บริเวณ ต.บางกระทุ่ม ต.หัวเวียง อ.เสนา และ ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา โดยปริมาณน้ำดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่บริเวณริมตลิ่งแม่น้ำเจ้าพระยา

ทั้งนี้ กอปภ.ก. จึงได้ประสานพื้นที่เสี่ยงที่อาจได้รับผลกระทบจากแม่น้ำเจ้าพระยามีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น รวมถึงแม่น้ำสะแกกรัง แม่น้ำน้อย แม่น้ำลพบุรี คลองชัยนาท-ป่าสัก และคลองชัยนาท-อยุธยา รวม 7 จังหวัด ดังนี้

  • อุทัยธานี (อ.เมืองอุทัยธานี)
  • ลพบุรี (อ.บ้านหมี่ อ.ท่าวุ้ง และ อ.เมืองลพบุรี)
  • ชัยนาท (อ.สรรพยา)
  • สิงห์บุรี (อ.อินทร์บุรี อ.เมืองสิงห์บุรี และ อ.พรหมบุรี)
  • อ่างทอง (อ.ไชโย อ.เมืองอ่างทอง อ.ป่าโมก อ.โพธิ์ทอง และ อ.วิเศษชัยชาญ)
  • พระนครศรีอยุธยา (อ.บางบาล อ.ผักไห่ และ อ.เสนา)
  • สุพรรณบุรี (อ.บางปลาม้า)

นอกจากนี้ รวมถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัย เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยในช่วงดังกล่าว โดยจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ สถานการณ์น้ำท่า การระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยา ปริมาณฝน ระดับน้ำและแนวโน้มสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมจัดเตรียมชุดเคลื่อนที่เร็ว เครื่องมืออุปกรณ์ประจำพื้นที่เสี่ยงให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัย

พร้อมแจ้งเตือนหน่วยงาน บริษัท ห้างร้านที่ประกอบกิจการในแม่น้ำเจ้าพระยา อาทิ งานก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง แพร้านอาหารริมน้ำ รวมถึงประชาชนที่อาศัยอยู่ริมน้ำให้ติดตามสถานการณ์จากหน่วยงานราชการอย่างใกล้ชิด สำหรับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถติดต่อได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง