กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม และภาคเอกชนไทย กับสำนักงานมรดกทางวัฒนธรรมมณฑลส่านซี สำนักงานแลกเปลี่ยนวัตถุโบราณ พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์มณฑลส่านซี และพิพิธภัณฑ์สานจิ๋นซี แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ร่วมจัดนิทรรศการจิ๋นซีฮ่องเต้ ครั้งแรกในไทย เริ่มวันที่ 15 ก.ย.-15 ธ.ค.2562 รวมเป็นเวลา 3 เดือน โดยมีโบราณวัตถุชิ้นสำคัญ 86 รายการ 133 ชิ้น เช่น ภาพเขียน หุ่นทหาร อาวุธ เครื่องใช้ เครื่องประดับ และตุ๊กตาดินเผา
นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวว่า นิทรรศการในครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกที่มีการจัดแสดงโบราณวัตถุจากสุสานจิ๋นซีในประเทศไทย โดยกรมศิลปากรได้ประสานขอยืมโบราณวัตถุจากสุสานจักรพรรดิจิ๋นซี เพื่อมาจัดแสดงที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ตั้งแต่ปี 2559 ด้วยความร่วมมือจากหลายฝ่าย ทั้งไทยโดยรัฐบาลและภาคเอกชน และหน่วยงานของสาธารณรัฐประชาชนจีน คือ สำนักงานมรดกทางวัฒนธรรมมณฑลส่านซี สำนักงานแลกเปลี่ยนวัตถุโบราณ พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์มณฑลส่านซี และพิพิธภัณฑ์สุสานจิ๋นซี
สุสาน “ฉินสือหวง” หรือ จิ๋นซีฮ่องเต้ นับเป็นสิ่งมหัศจรรย์และเป็นมรดกโลกที่คนทั่วโลกล้วนอยากไปชมความมหัศจรรย์ ซึ่งรัฐบาลจีนได้นำไปจัดแสดงแล้วในหลายประเทศทั่วโลก และประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่ง
นายอิทธิพล กล่าวว่า อยากให้นิทรรศการนี้เป็นสิ่งจุดประกายสำคัญ ทั้งองค์ความรู้ ตระหนักถึงความสำคัญของประวัติศาสตร์ไทย โดยมีกรณีศึกษาจากความเจริญของจีนที่มีความต่อเนื่องยาวนาน และเป็นการแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันใกล้ชิดของไทยจีนด้วย ทั้งนี้ หากประชาชนให้ความสนใจ ทางกรมศิลปากรจะพิจารณาเพื่อเปิดรอบและขยายเวลาในการจัดแสดงอีกครั้งหนึ่ง
นายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่มีการนำโบราณวัตถุระดับโลกที่เป็นที่รู้จักเข้ามาจัดแสดงในไทย ซึ่งกรมศิลปากรพัฒนาห้องจัดแสดง และต้องการให้ชาวไทยได้เห็นบทบาทของพิพิธภัณฑ์ ซึ่งสามารถเชิดชูความแข็งแกร่งให้กับประเทศชาติได้ อีกทั้งชาวไทยจะได้ชมโบราณวัตถุระดับโลก เพื่อตระหนักถึงความสำคัญทางประวัติศาสตร์ และหันกลับมาชมมรดกและประวัติศาสตร์ของไทย ผ่านทางโบราณวัตถุ ศิลปะวัตถุ
อธิบดีกรมศิลปากร ยืนยันว่า โบราณวัตถุที่นำมาจัดแสดงในครั้งนี้เป็นของแท้ดั้งเดิม 132 ชิ้น จากทั้งหมด 133 ชิ้น มีเพียงรถม้าสำริดรายการเดียวที่เป็นของจำลอง เนื่องจากจีนมีรถม้าสำริดเพียง 1 ชิ้น และรัฐบาลจีนไม่อนุญาตให้นำออกจากประเทศ ซึ่งไทยจัดแสดงรถม้าจำลอง เช่นเดียวกับอีก 25 ประเทศ ที่มีการนำไปจัดแสดง เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี ยุโรป อเมริกา ออสเตรีย นิวซีแลนด์
ดูแลวัตถุล้ำค่า ตั้งแต่เคลื่อนย้ายถึงห้องจัดแสดง
นางนิตยา กนกมงคล ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กล่าวว่า การจัดแสดงนิทรรศการในครั้งนี้ มีการดูแลโบราณวัตถุอย่างเข้มงวดและควบคุมสภาพให้เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานของพิพิธภัณฑ์ ตั้งแต่กระบวนการขนส่งวัตถุมาจากประเทศจีน ถึงปลายทางประเทศไทย
การเคลื่อนย้าย ต้องควบคุมสภาพแวดล้อมไม่ให้โบราณวัตถุเจอความชื้น เพราะความชื้นเป็นสาเหตุให้โบราณวัตถุเสื่อมสภาพหรือชำรุดได้
ตลอดกระบวนการขนส่งโบราณวัตถุจึงต้องอยู่ในห้องควบคุมอุณหภูมิ ซึ่งภายในพระที่นั่งศิวโมกขพิมาน ซึ่งเป็นสถานที่จัดแสดงนิทรรศการนั้นได้ดำเนินการปรับสภาพแวดล้อมภายในทั้งเรื่องอุณหภูมิและระดับความชื้นให้เหมาะสมแล้วก่อนที่โบราณวัตถุจะมาถึงไทย รวมถึงจัดเตรียมตู้จัดแสดงไว้ นอกจากต้องควบคุมอุณหภูมิห้องจัดแสดงแล้ว ยังต้องควบคุมอุณหภูมิ แสง และความชื้นภายในตู้จัดแสดงอีกชั้นหนึ่ง
อุณหภูมิจีนกับไทยต่างกัน ค่าความชื้นก็ต่างกัน เพราะฉะนั้นปัญหาการเสื่อมสภาพมักจะมาจากความไม่เสถียร การจัดแสดงในครั้งนี้เห็นได้ว่า ไม่มีโบราณวัตถุชิ้นใดอยู่นอกตู้เลย ต้องอยู่ในสิ่งที่กำหนดว่าจะไม่เกิดผลกระทบต่อโบราณวัตถุ
4 โซน การแสดง “จิ๋นซี ฮ่องเต้”
ส่วนแรกจะได้เห็น พัฒนาการก่อนการรวมชาติ ยุคราชวงศ์โจวตะวันออก ที่แคว้นต่าง ๆ ปกครองกันอย่างเอกเทศ การสั่งสมทางเทคโนโลยีและวัฒนธรรม ที่ส่งให้แคว้นฉินแข็งแกร่งสามารถผนวกแคว้นต่าง ๆ เข้าเป็นอาณาจักรเดียวกันในกาลต่อมา โบราณวัตถุในส่วนนี้ จะเห็นถึงความก้าวหน้า ทางด้านโลหกรรม จากภาชนะสัมฤทธ์ อาวุธและเงินตรา
ส่วนที่ 2 จักรพรรดิองค์แรกของจีน ผู้ผนวกโลกมนุษย์และสวรรค์ แสดงถึงความสำเร็จในการรวมรัฐทั้ง 7 ให้เป็นอาณาจักรหรือจักรวรรดิหนึ่งเดียว พร้อมกับการปฏิรูประบบการปกครองแบบรวมอำนาจเข้าสู่ศูนย์กลาง พัฒนาเทคโนโลยีการสงคราม มีการกำหนดมาตรฐานหน่วยชั่ง ตวง วัด ระบบเงินตรา ภาษาเขียน รวมถึงทำการเชื่อมต่อแนวกำแพงดินอัดของแคว้นต่างๆ เพื่อป้องกันการรุกรานจากข้าศึกศัตรูจนกลายเป็นกำแพงเมืองจีนที่มีความยิ่งใหญ่เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก โดยให้ชมยุทธโธปกรณ์ หน้าไม้กลไล และดาบที่มีลักษณะเป็นพิเศษ คือ มีความยาวกว่าดาบปกติ ถือเป็นอาวุธทรงพลังของกองทัพจิ๋นซี ฮ่องเต้
ส่วนที่ 3 เป็นไฮไลต์ของการแสดง สุสานจักรพรรดิ มหาอาณาจักรใต้ภิภพ เรื่องราวของจิ๋นซีฮ่องเต้ ถูกบันทึกไว้โดย “ซือหม่าเฉียน” อาลักษณ์สมัยราชวงศ์ฮั่น โดยได้พรรณาความรายละเอียดอันน่าทึ่งของมหาสุสานจักรพรรดิจิ๋นซี จนมีการค้นพบ หุ่นทหารดินเผาครั้งแรก เมื่อวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ.2517 หรือ คศ. 1974 ได้พิสูจน์ นับเป็นการค้นพบทางโบราณคดีครั้งสำคัญแห่งศตวรรษที่ 20
จักรพรรดิผู้ปรารถนาชีวิตเป็นอมตะ เสาะแสวงหายาอายุวัฒนะ และสร้างสุสานเตรียมพร้อมสำหรับชีวิตหลังความตาย หรือ โลกหน้า
การแสดงส่วนนี้ มีหุ่นแม่ทัพสวมเกราะ นายทหารนั่ง พลธนูนั่งชันเข่า นักรบในชุดเกราะ รถม้าสำริด ชุดเกราะหินและหมวกหิน ซึ่งประกอบด้วยชิ้นส่วนแผ่นหินมากกว่า 400 ชิ้น เจาะรูและร้อยเข้าด้วยกัน ด้วยเส้นลวดทองแดง สะท้อนให้เห็นถึงความของช่างและวิวัฒนการในยุคนั้น
ส่วนที่ 4 สืบสานความรุ่งโรจน์ ยุคราชวงศ์ฮั่น ต่อยอดความรู้มรดกภูมิปัญญาจากราชวงศ์ฉิน ผ่านความรุ่งเรืองทางด้านวัฒนธรรม การเมืองการปกครอง สังคม เกษตรกรรม และเทคโนโลยีทางการทหาร ตลอดจนด้านเศรษฐกิจการค้าและการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างชาวจีนโบราณกับชาวต่างชาติอีกซีกโลกบนเส้นทางสายแพรไหม จนได้ชื่อว่าเป็นยุคทองของงานศิลปกรรมและอารยธรรมจีนโบราณอย่างแท้จริง ส่วนนี้มีตุ๊กตารูปสัตว์ ที่ยืมมาจาก พิพิธภัณฑ์อั่นหยันหนิง และพิพิธภัณฑ์เฉินขาง
ห้ามเซลฟี่-ถ่ายภาพเคลื่อนไหว
สำหรับผู้ที่สนใจเข้าชม นิทรรศการพิเศษในครั้งนี้ กรมศิลปากร เผย ข้อพึงปฏิบัติในการเข้าชมนิทรรศการ มีดังนี้
- ห้ามนำกระเป๋าขนาดใหญ่เข้าในห้องจัดแสดง
- กระเป๋าใบเล็กที่นำติดตัวเข้าไปต้องผ่านการตรวจทุกใบ
- ห้ามนำไฟแช็กและวัตถุที่ก่อให้เกิดประกายไฟเข้าห้องจัดแสดง
- ห้ามนำมีดพกและวัตถุมีคมเข้าห้องจัดแสดง
- ห้ามนำอาหารและเครื่องดื่มทุกชนิดเข้าห้องจัดแสดง
- ถ่ายภาพนิ่งได้ด้วยกล้องมือถือเท่านั้น
- ห้ามถ่ายภาพเคลื่อนไหวทุกชนิด งดเซลฟี่ งดแฟลช รวมถึงไม้เซลฟี่ และขาตั้งกล้องทุกชนิด
- การเข้าชมนิทรรศการพิเศษจะได้รับการจัดสรรเป็นรอบ เพื่อให้ทุกท่านชมนิทรรศการฯ ได้ทั่วถึง ไม่แออัด
- ผู้เข้าชมต้องผ่านการตรวจอาวุธและพึงรับฟังคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่
“สุสานจักรพรรดิจิ๋นซี” มีความสำคัญและมหัศจรรย์อย่างยิ่ง โดยองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมเมื่อปี 2530 หลังถูกค้นพบเมื่อปี 2517 เนื่องจากใช้แรงงานกว่า 800,000 คน ในการก่อสร้างสุสานดังกล่าว นาน 40 ปี ครอบคลุมพื้นที่ 60 ตารางกิโลเมตร ขณะนี้ดำเนินการขุดค้นทางโบราณคดีแล้ว 900 หลุม พบทหารดินเผาและรถม้า 8,000 ชิ้น รวมทั้งพบสุสานบริวารของเจ้าชายเจ้าหญิง นางสนม ข้าราชการ คนงานสร้างสุสาน คอกสัตว์ และรถม้าสำริด
ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถมาชมเป็นพิเศษ ได้ในวันที่ 16-17 ก.ย.นี้ จากนั้นจะเปิดให้เข้าชมทุกวันพุธ-อาทิตย์ จนถึงวันที่ 15 ธ.ค.นี้ เวลา 09.00-16.00 น. ที่พระที่นั่งศิวโมกขพิมาน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ส่วนค่าธรรมเนียมเข้าชม คนไทย 30 บาท ชาวต่างชาติ 200 บาท สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 022241333 และ 022241402 หรือที่ เฟซบุ๊ก National Museum Bangkok : พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร