วันนี้ (16 ก.ย.2562) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง มีมติให้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับกับ นายพิชญ์ โพธารามิก และนายเกริกไกร ไตรบัญญัติกุล
ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวราคาและปริมาณหุ้นที่ผิดปกติ ก่อนตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า ในระหว่างวันที่ 29 ก.ย.2559 ถึงวันที่ 12 ต.ค.2559 นายพิชญ์ได้ร่วมกับนายเกริกไกรซื้อหุ้น JTS* (โดยใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของนายเกริกไกร) ก่อนที่จะมีการเปิดเผยงบการเงินไตรมาสที่ 3 ประจำปี 2559 ที่มีผลกำไร 21.39 ล้านบาท พลิกกลับจากที่มีผลขาดทุนมาตลอดตั้งแต่ปี 2557 ซึ่งถือเป็นข้อมูลที่มีนัยสำคัญต่อราคาหลักทรัพย์
ทั้งที่ ผลกำไรของ JTS ดังกล่าว เกิดจากการที่ JTS ได้รับการว่าจ้างงานจากบริษัท ทริปเปิล ที บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) (TTTBB)** ซึ่งนายพิชญ์ดำรงตำแหน่งเป็นประธานกรรมการ และนายพิชญ์ยังเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการของ JAS ที่ให้นโยบายในการว่าจ้างงานภายในกลุ่มด้วย
นายพิชญ์จึงอยู่ในฐานะที่ล่วงรู้ข้อมูลที่มีนัยสำคัญต่อราคาหลักทรัพย์ของ JTS การกระทำข้างต้นของนายพิชญ์และนายเกริกไกร จึงเป็นการซื้อหุ้น JTS โดยใช้ข้อมูลภายในอันเข้าข่ายเป็นความผิดตามมาตรา 241 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ) ที่ใช้บังคับอยู่ในขณะกระทำความผิด
คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) มีมติให้ ก.ล.ต.นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับกับผู้กระทำความผิดทั้ง 2 ราย โดยกำหนดให้
(1) นายพิชญ์ ชำระค่าปรับทางแพ่งเป็นเงินจำนวน 32,650,173.75 บาท และชดใช้เงินในจำนวนที่เท่ากับผลประโยชน์ที่พึงได้รับเป็นเงินจำนวน 26,120,139 บาท รวมเป็นเงินจำนวน 58,770,312.75 บาท
(2) นายเกริกไกร ชำระค่าปรับทางแพ่งเป็นเงินจำนวน 333,333.33 บาท
ทั้งนี้ หากผู้กระทำความผิดไม่ยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งที่ ค.ม.พ. กำหนด ก.ล.ต.จะดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลแพ่งเพื่อขอให้ชดใช้ผลประโยชน์ที่ได้รับและชำระเงินค่าปรับทางแพ่งตามอัตราสูงสุดที่กฎหมายกำหนด
นอกจากนี้ ก.ล.ต.อยู่ระหว่างการดำเนินการแจ้งผู้เกี่ยวข้อง เพื่อถอดนายพิชญ์ พ้นจากจำแหน่ง กรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทดังกล่าว เพราะ การกระทำความผิดเข้าข่ายผู้มีลักษณะขาดความน่าไว้วางใจในการเป็นกรรมการหรือผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ และบริษัทจดทะเบียนตามประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต.ส่วนกรณีของนายเกริกไกร ก.ล.ต.จะพิจารณาอีกครั้ง หากกลับเข้ามาเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน