วันนี้ (20 ก.ย.2562) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (เอฟโอเอ็มซี) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติไม่เป็นเอกฉันท์ 7-3 เสียง ปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น ลงร้อยละ 0.25 สู่ระดับ ร้อยละ 1.75-2
ทำให้ นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กล่าวว่า การปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟด เป็นไปตามคาดการณ์ และเชื่อว่า เฟด อาจตัดสินใจ ปรับลดดอกเบี้ยอีก 1 ครั้ง ซึ่งอาจสร้างแรงกดดันให้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่มีกำหนดประชุม ทบทวนอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ในวันที่ 25 กันยายนนี้ แต่เชื่อว่า กนง. จะพิจารณากำหนดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างเหมาะสม สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ และความเสี่ยงในระยะต่อไป
แต่ยอมรับว่า แนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ของเฟด อาจกดดันให้ ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ส่งผลกระทบต่อการส่งออก ที่ชะลอตัว
อีกทั้ง หากสถานการณ์เศรษฐกิจ มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากภาวะสงครามการค้า และความขัดแย้งกับชาติตะวันออกกลาง อาจกระทบการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทย ต่ำกว่าร้อยละ 3 แต่มาตรการกระตุ้นการบริโภคในประเทศ อาจช่วยพยุงการขยายตัวได้ระดับหนึ่ง โดยยอมรับว่า ยอดประเดิมผู้ลงทะเบียนโครงการ ชิม ช้อป ใช้ วันแรก อาจไม่ถึง 1 ล้านคน
สศค.เคยประเมินว่าหากสงครามการค้าไม่รุนแรงขึ้น มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่จะเปิดลงทะเบียนชิม ช้อป ใช้ สัปดาห์หน้า จะช่วยพยุงเศรษฐกิจให้โตมากกว่า 3% แต่หากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกเปลี่ยนไป ก็อาจกระทบการขยายตัวดังกล่าว แต่เชื่อว่า การประชุม กนง. สัปดาห์หน้า คณะกรรมการฯ จะพิจารณาอย่างรอบคอบที่สุดแล้ว
ขณะที่ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ออกบทวิเคราะห์ คาดการณ์ว่า กนง. อาจตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับร้อยละ 1.50 แต่หากคณะกรรมการฯ พบสัญญาณบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจไทย อาจขยายตัวต่ำกว่าระดับศักยภาพ ร้อยละ 3.5 ก็อาจจัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ในระยะข้างหน้า