วันนี้ (2 ต.ค.2562) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานการประชุมการเตรียมพร้อมสำหรับกรณีที่ไทย จะร่วมมือกับชาติอื่นในภูมิภาคอาเซียน เสนอตัวเป็นเจ้าภาพร่วมจัดแข่งขันฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ปี 2034 โดยมีนายกรวีร์ ปริศนานันทกุล เลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เข้าร่วมประชุม
นายกรวีร์ กล่าวหลังการประชุมว่า ต้องขอบคุณกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาที่เล็งเห็นความสำคัญในกรณีที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพร่วมกับชาติอาเซียน เสนอตัวเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก จึงได้เชิญสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เข้ามาให้ข้อมูล โดยในที่ประชุมเราได้คุยกันหลายๆ เรื่อง และหนึ่งในหัวข้อการหารือ คือเราต้องทำให้ตัวให้พร้อมสำหรับการเป็นเจ้าภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องสนามแข่งขันที่ได้มาตรฐาน
ถึงเวลาแล้วที่ไทยจะมีสนามแข่งขันที่ได้มาตรฐาน หลังจากที่เราเพิ่งมีปัญหาเรื่องนี้ในการเป็นเจ้าภาพฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ดังนั้นจึงเป็นโอกาสและแนวทางที่ดี ที่ไทยจะมีการปรับปรุงสนามให้ได้มาตรฐาน รองรับการจัดงานทั้งระดับทวีป และระดับโลก
ส่วนปัญหาเรื่องสนาม ก่อนการแข่งขันชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี โดยเฉพาะสนามที่การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ดูแลและรับผิดชอบ ที่อยู่ในระหว่างการปรับปรุงนั้น ทางสมาคมฯ ได้ประชุมร่วมและประสานงานกับ กกท.มาตลอด ได้รับคำยืนยันว่าจะปรับปรุงเสร็จทันกรอบเวลาที่กำหนดไว้อย่างแน่นอน ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
เลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ กล่าวว่า ในอนาคตไม่ว่าเราจะได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพหรือไม่ก็ตาม เชื่อว่าถึงเวลาแล้วที่สนามแข่งขันในประเทศ สมควรได้รับการปรับปรุงครั้งใหญ่ เพื่อที่จะได้ใช้รองรับในการแข่งขันกีฬาชนิดต่างๆ ไม่เพียงแค่กีฬาฟุตบอลเท่านั้น ยังรวมถึงกีฬาชนิดอื่นๆ ด้วย ตอนนี้เชื่อว่าสิ่งอำนวยความสะดวก โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ของสนามกีฬาในบ้านเราค่อนข้างที่ตกยุค ตกรุ่นไปแล้ว ถึงเวลาที่ปรับปรุงให้ทันยุคทันสมัยเสียที