วันนี้ (11 ต.ค.2562) กองทัพบกได้จัดการบรรยายพิเศษ โดย พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้ให้เกียรติในการบรรยายพิเศษครั้งนี้ ในหัวข้อเรื่อง “แผ่นดินของเราในมุมมองด้านความมั่นคง” ณ หอประชุมกิตติขจร กองบัญชาการกองทัพบก โดยเชิญนักเรียน นิสิต นักศึกษา ครู อาจารย์ ผู้นำองค์กร ผู้นำมวลชนรอบค่าย ศิลปินดารา ตลอดจนสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศร่วมฟังการบรรยาย
ด้วยปัจจุบันสถานการณ์บ้านเมืองทั้งภายในและนอกประเทศมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ด้วยวิถีการดำเนินชีวิตของผู้คนที่เปลี่ยนไป กองทัพบกในฐานะหน่วยงานหนึ่งที่รับผิดชอบดูแลงานด้านความมั่นคงของชาติ จึงจำเป็นต้องปรับองค์กรให้สามารถปฏิบัติภารกิจให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงดังกล่าว โดยยึดมั่นในการดำรงไว้ซึ่งความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ตลอดจนการช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนในทุกโอกาส ดังนั้นเพื่อสร้างการตระหนักรับรู้และเข้าใจบทบาทของกองทัพที่เปลี่ยนแปลงไปในมิติของความมั่นคง ตลอดจนความสำนึกรักแผ่นดินและความสามัคคีแก่ประชาชน กองทัพบกจึงได้จัดการบรรยายพิเศษซึ่งถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมมวลชนสัมพันธ์ที่กองทัพบกดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง โดยโอกาสนี้ได้เชิญกลุ่มประชาชนหลากหลายอาชีพและสถานภาพที่มีบทบาทต่อการสร้างการรับรู้ต่อสาธารณะ มารับฟังการบรรยายดังกล่าวเพื่อนำความรู้ที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์นี้ไปเผยแพร่แก่สาธารณชนเพื่อสร้างความมั่นคงร่มเย็นแก่ประเทศชาติต่อไป
ผู้บัญชาการทหารบก ระบุว่า เป็นครั้งแรกที่ได้มาบรรยายพิเศษและถือเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมมวลชนสัมพันธ์ที่กองทัพบกจัดขึ้นมาต่อเนื่อง โดยหัวข้อการบรรยายเพื่อย้ำว่า ทหารถอยห่างจากการเมือง หลังสิ้นสุด คสช.แต่ทหารยังคงมีบทบาทหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ
ผู้บัญชาการทหารบก ได้หยิบยกเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ชาติไทยที่ในอดีตเคยเสียกรุงมา 14 ครั้ง ซึ่งเกิดจากความเปลี่ยนแปลงในแต่ละยุคสมัย รวมทั้งการล่าอาณานิคม ในสมัยรัชกาลที่ 5 ทำให้ไทยดินแดนไปหลายครั้ง จนมาถึงสมัยรัชกาลที่ 9 ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 14 ที่ไทยสูญเสียดินแดน จากคำพิพากษาศาลโลกให้เขาพระวิหารเป็นของกัมพูชา
ผู้บัญชาการทหารบก ย้ำถึงเหตุจูงใจให้มาเป็นทหารจากการเหตุการณ์ที่ พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ พ่อของ พล.อ.อภิรัชต์ ที่ถูกผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ยิงได้รับบาดเจ็บขณะปฏิบัติภารกิจเมื่อปี 2515 ซึ่ง พล.อ.อภิรัชต์ มีอายุเพียง 12 ปี และแม้เหตุการณ์คอมมิวนิสต์จะยุติลงไปนานแล้ว แต่ยังมีบุคคลบางกลุ่มที่มีแนวความคิดฝังหัวเรื่ิองคอมมิวนิสต์และเคลื่อนไหวอยู่
ผู้บัญชาการทหารบก ยังระบุถึง สถานการณ์การเมืองปัจจุบันว่าเปลี่ยนแปลงไปและซับซ้อนมากยิ่งขึ้นจากหลายปัจจัยทั้งเศรษฐกิจ และความขัดแย้งของคนในชาติ ซึ่งเกิดขึ้นในหลายประเทศ ล่าสุดคือเหตุวุ่นวายที่ฮ่องกง แต่กลับปรากฎภาพบุคคลในประเทศไทยไปถ่ายภาพร่วมกับแกนนำเคลื่อนไหวของฮ่องกง ในช่วงสถานการณ์ที่จีนกำลังแก้ไขปัญหา จึงขอให้ทุกฝ่ายพิจารณาเองว่าเหมาะสมหรือไม่
ช่วงหนึ่ง พล.อ.อภิรัชต์ ยกคำพูด โจชัว หว่อง นักเคลื่อนไหวชาวฮ่องกง โดยกล่าวว่า ฮ่องกงเป็นแเกาะเป็นส่วนหนึ่งของจีน แต่มีคนไทยบางคนไปถ่ายคู่กับ โจชัว หว่อง ซึ่งนายโจชัว หว่อง มาเมืองไทยไม่รู้กี่รอบ มาพบใคร การพบกันนั้นมีวาระซ่อนเร้น วางแผนสมคบคิดทำอะไรกันหรือไม่ ตอนนี้มีการประท้วงกันอยู่ก็ไปเยี่ยม เหมือนไปให้กำลังใจ ให้การสนับสนุน เรื่องนี้ในเว็บไซต์สือออนไลน์มีหมด
ผู้บัญชาการทหารบก ยังระบุถึง สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า เหตุรุนแรงขึ้นขยายวงขึ้นในช่วงก่อนเหตุการณ์ปล้นปืนกองพันพัฒนาที่ 4 นราธิวาสปี 2547 และมีความพยายามแก้ปัญหาในหลายรัฐบาลจนเริ่มคลี่คลายในปี 2557 รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ และเริ่มปรับลดกำลังทหารลง ซึ่งเกิดการสูญเสียจำนวนมาก รวมทั้งเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ครู และประชาชน
พร้อมระบุถึง ช่วงที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า เป็นช่วงเวลาที่เครียดและกดดัน เพราะในพื้นที่ไม่ใช่การสู้รบปกติ ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ยาก เนื่องจากผู้ก่อเหตุปะปนกับประชาชนผู้บริสุทธิ์และยังมีคนบางกลุ่ม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
"ธนาธร" แจงภาพคู่ "โจชัว หว่อง" แค่เจอในงานสัมมนา
ผบ.ทบ.ไม่ขวางแก้รัฐธรรมนูญ ขู่อย่าแตะมาตรา 1