วันนี้ (8 พ.ย.2562) พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นำเอกสารหลักฐานมาชี้แจงต่อสื่อมวลชน หลังตัวแทนบริษัท ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นตัวแทนลิขสิทธิ์จำหน่ายสินค้าของบริษัท ซาน-เอ็กซ์ จำกัด ประเทศญี่ปุ่น เจ้าของลิขสิทธิ์ "รีลัคคุมะ" เข้าหารือพร้อมส่งมอบเอกสารจากบริษัทต้นสังกัด โดยระบุว่า บริษัท ซาน-เอ็กซ์ฯ มอบอำนาจให้บริษัท ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) เป็นตัวแทนลิขสิทธิ์จำหน่ายสินค้าแต่เพียงผู้เดียว พร้อมยืนยันว่า บริษัท เวอร์ริเซ็ค จำกัด ไม่ได้เป็นตัวแทนแต่อย่างใด
บริษัท ที.เอ.ซี.ฯ ที่ได้รับมอบอำนาจแต่เพียงผู้เดียว ยืนยันว่า การจัดการกับผู้ที่ละเมิดลิขสิทธิ์นั้นมีขั้นตอนการดำเนินงานโดยละเอียดและชัดเจน ซึ่งทุกกรณีต้องมีการตรวจสอบก่อน หากพบละเมิด จะส่งจดหมายเตือนไป 2 ครั้ง จึงจะดำเนินการตามกฎหมาย
พล.ต.อ.วิระชัย ระบุว่า ผู้เชี่ยวชาญจากบริษัท ซาน-เอ็กซ์ เจ้าของลิขสิทธิ์รีลัคคุมะ ยืนยันว่า กระทงเด็ก 15 ปี กรณีนี้ไม่เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ของบริษัท เนื่องจากไม่ใช่กระทงรูปรีลัคคุมะ โดยรูปทรงหน้าไม่เหมือนกัน สำหรับรีลัคคุมะจะมีหน้าด้านบนเรียว ส่วนข้างล่างกว้าง ขณะที่กระทงหมีเป็นหน้ากลมทั้งหน้า นอกจากนี้สีของหูของกระทงหมีและรีลัคคุมะก็ไม่เหมือนกัน ตาและปากก็ไม่เช่นกัน
เมื่อกระทงไม่เหมือน ก็ไม่มีอำนาจไปจับกุมเด็กและเรียกค่าปรับ ตำรวจจะดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อตรวจสอบผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป
รอง ผบ.ตร. ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยหลังจากตรวจสอบเอกสารแล้ว ตำรวจทำถูกต้องทุกขั้นตอน แต่ผู้ที่มาแจ้งความ หรือตัวแทนบริษัท เวอร์ริเซ็คฯ นั้นอ้างว่าละเมิดลิขสิทธิ์ และขณะแจ้งความไม่ได้บอกว่ามีการล่อซื้อ อีกทั้งคนซื้อเป็นคนเรียกว่ากระทงรีลัคคุมะเพียงฝ่ายเดียว ส่วนเด็ก 15 ปี ที่ทำกระทงนั้นไม่ได้เรียกกระทงดังกล่าวว่ารีลัคคุมะ
ส่วนเรื่องค่าเสียหาย ค่าชดเชย ที่ต้องจ่ายหลังถูกแจ้งความข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์นั้น กำลังตรวจสอบเพื่อให้มีการชดเชย ส่วนผู้ที่แจ้งความอาจถูกข้อหากรรโชกทรัพย์ด้วย หลังจากนี้ได้สั่งการให้ตำรวจภูธรนครราชสีมาสอบปากคำเพิ่มเติม เพื่อให้เกิดความกระจ่างทางคดีโดยเร็วที่สุด
จากนี้ตำรวจจะมีแนวทางปฏิบัติ สำหรับบุคคลที่ใช้ตำรวจเพื่อแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ส่วนผู้เสียหาย รวมถึงเจ้าของลิขสิทธิ์ต้องมีข้อมูล หลักฐานที่ชัดเจน เพื่อให้การตรวจสอบเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและไม่ต้องดำเนินคดีกับผู้ที่ไม่ได้กระทำผิดอีก
หลังจากนี้ได้สั่งการให้ตำรวจทั่วประเทศตรวจสอบคดีการละเมิดลิขสิทธิ์ทุกคดีที่ผ่านมา รวมถึงผู้เสียหายที่เคยถูกจับข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ไปตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกครั้งว่า ละเมิดลิขสิทธิ์จริงหรือไม่ หากไม่ละเมิดลิขสิทธื์จะได้รับค่าเสียหายคืนทั้งหมด และได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าต้องตรวจสอบลิขสิทธิ์กับกรมทรัพย์สินทางปัญญาและผู้เชี่ยวชาญอย่างละเอียด