วันนี้ (20 พ.ย.2562) นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กล่าวว่า หลังจาก สบส.ได้รับเบาะแสการประกอบกิจการคลินิกเถื่อน ในย่านภาษีเจริญ โดยนำบ้านพัก มาดัด แปลงเป็นคลินิกให้บริการรักษาโรคเกี่ยวกับกับดวงตา และมีผู้เสียหายเกิดอาการตาอักเสบจากการรับบริการ ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพร่างกายของประชาชน
ทั้งนี้ สบส.พร้อมด้วย เภสัชกรหญิงสุภัทรา บุญเสริม รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) พ.ต.อ.ชนันนัทธ์ สารถวัลย์แพศย์ ผู้กำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค เข้าตรวจสอบคลินิก “พัฒนาสายตา” ซอยเพชรเกษม 48 แยก 16 เขตภาษีเจริญ
จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าคลินิกเถื่อนแห่งนี้ ให้บริการรักษาอาการความผิดปกติที่เกี่ยวกับดวงตา อาทิ สายตาสั้น ยาวเอียง ต้อหิน ต้อกระจก วุ้นในตาเสื่อม ด้วยวิธีการหยอดยา ประคบยา ฝังเข็ม หรือสะกิดเส้น ฯลฯ เปิดทำการทุกวันพุธ เสาร์ และอาทิตย์ มาเป็นระยะเวลาประมาณ 2 ปี
แจ้ง 5 ข้อหาเปิดคลินิกเถื่อนรักษาโรคตา
โดยมีหญิงวัยกลางคน เป็นเจ้าของสถานที่และผู้ให้บริการ และไม่ได้ขออนุญาตและขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมหรือผู้ประกอบโรคศิลปะ อีกทั้งยาสมุนไพรที่ใช้ประกอบการรักษาก็ไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับอย. พนักงานเจ้าหน้าที่ จึงแจ้งข้อหาการกับผู้กระทำผิด จำนวน 5 ข้อหา ประกอบด้วย
- ประกอบกิจการและดำเนินการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต มีความผิดตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
- ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ขึ้นทะเบียนและรับอนุญาต มีความผิดตามพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
- ประกอบโรคศิลปะโดยไม่ขึ้นทะเบียนและรับอนุญาต มีความผิดตามพระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ.2542 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
- จำหน่ายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต มีความผิดตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ.2510 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 10,000 บาท
- จำหน่ายยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา มีความผิดตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ.2510 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พร้อมนำตัวผู้กระทำผิดและของกลางที่ตรวจยึดได้ส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการในขั้นตอนต่อไป