วันนี้ (20 พ.ย.2562) นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าระบบการจัดเก็บค่าธรรมเนียมอัตโนมัติแบบไม่มีด่าน (Multilane Free Flow หรือ MLFF) วงเงิน 30 ล้านบาทว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการจ้างบริษัทศึกษา เพื่อลดความแออัดการจราจรบริเวณหน้าด่านเก็บเงินค่าผ่านทาง และเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายรถ
โดยกรมทางหลวงจะต้องไปหารือร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) และการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เพื่อกำหนดรายละเอียด รวมถึงข้อกฎหมาย พร้อมทั้งเชื่อมโยงข้อมูลที่เกี่ยวข้องต่างๆ เช่น ใบสั่งจราจร การต่อทะเบียนฯ ในกรณีที่ไม่ชำระค่าผ่านทาง
เบื้องต้น คาดว่า ผลการศึกษาดังกล่าว จะแล้วเสร็จภายใน ม.ค. 2563 และเริ่มใช้ภายใน ก.ย. 2563 โดยจะนำร่องกับโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) สาย 9 สายถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร (ถนนกาญจนาภิเษก) ก่อนที่จะขยายไปยังเส้นทางอื่นๆ ต่อไป
นายสราวุธ กล่าวต่อว่า มั่นใจว่าหากใช้ระบบดังกล่าว รถจะสามารถทำความเร็ววิ่งผ่านหน้าด่านได้ประมาณ 100 กม. ต่อ ชม. จากในปัจจุบันรองรับความเร็วได้ 80 กม. ต่อ ชม.
ขณะที่ ความคืบหน้าโครงการมอเตอร์เวย์ บางปะอิน-นครราชสีมา ขณะนี้มีความคืบหน้าร้อยละ 82 โดยในขณะนี้ อยู่ระหว่างการปรับแบบการก่อสร้างในบางสัญญา เช่น การทำทางขึ้น-ลงเพิ่มเติม การทำทางลอด การทำกำแพงกั้นเพื่อความปลอดภัย เป็นต้น และเตรียมเสนอเรื่องไปยังกระทรวงคมนาคมพิจารณาปรับเปลี่ยนวงเงิน ก่อนที่จะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติต่อไป
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า การปรับแบบดังกล่าว จะไม่กระทบกับกรอบงบประมาณ และแผนงาน ทั้งนี้ คาดว่าจะแล้วเสร็จ พร้อมเปิดให้บริการภายใน ธ.ค. 2565 นอกจากนี้ ในส่วนของ O&M นั้น คาดว่า จะเซ็นสัญญาได้ในช่วง ก.พ. 2563
มีความต้องการให้เปิดให้บริการมอเตอร์เวย์ บางปะอิน-โคราช ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2562 ที่จะถึงนี้ โดยเฉพาะในช่วงลำตะคอง หรือในสัญญาตั้งแต่ตอนที่ 25-35 นั้น ขอชี้แจงว่า การก่อสร้างส่วนใหญ่ทยอยแล้วเสร็จแล้ว แต่ด้วยเป็นทางยกระดับ และเพื่อความปลอดภัย ในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่จะถึงนี้ จึงยังไม่สามารถเปิดให้บริการได้ เพราะพิจารณาแล้วว่ายังมีความสุ่มเสียงอยู่หลายประเด็น ต้องประเมินอีกครั้งว่า ในช่วงสงกรานต์ 2563 จะเปิดให้บริการได้หรือไม่