วันนี้ (25 พ.ย.2562) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หารือทวิภาคีกับนายมุน แช-อิน (Mr. Moon Jae-in) ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐเกาหลี ในห้วงการประชุมสุดยอดอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี สมัยพิเศษ ครั้งที่ 3 และการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง-สาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 24 - 27 พ.ย.2562 ณ นครปูซาน สาธารณรัฐเกาหลี
ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ได้กล่าวต้อนรับนายกรัฐมนตรี พร้อมแสดงความขอบคุณสำหรับการต้อนรับในโอกาสเยือนไทย 2 ครั้งที่อบอุ่นและประทับใจอย่างยิ่ง สะท้อนถึงมิตรภาพที่ถาวรระหว่าง 2 ประเทศ ที่ผูกพันธ์ด้วยเลือดเนื้อที่ไม่มีวันเจือจาง และจะเดินหน้าสู่มิติใหม่ ๆ ต่อไป ทั้งนี้ผู้นำเกาหลีใต้ยังได้กล่าวชื่นชมบทบาทนายกรัฐมนตรีในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ จนมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างมีพลวัตร
นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณเกาหลีใต้ที่ได้สนับสนุนการเป็นประธานอาเซียนของไทยในปีนี้ ซึ่งเกาหลีใต้มีบทบาทที่สำคัญในการขับเคลื่อนประชาคมอาเซียน รวมไปถึงความร่วมมือด้านต่าง ๆ ทั้งในกรอบอาเซียน และกรอบอนุภูมิภาค ไทยสนับสนุนบทบาทที่สร้างสรรค์ของเกาหลีใต้ในภูมิภาค และชื่นชมการขับเคลื่อนนโยบาย New Southern Policy (NSP) ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 สะท้อนความมุ่งมั่นและตั้งใจจริงของเกาหลีใต้ในการส่งเสริมความสัมพันธ์กับอาเซียนรอบด้านให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ทั้ง 2 ฝ่ายเห็นพ้องที่จะกระชับความร่วมมือในระดับทวิภาคี และพหุภาคีอย่างรอบด้าน อาทิ ความร่วมมือด้านการบริหารจัดการน้ำ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาธุรกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย (MSMEs) การพัฒนาการศึกษา และการพัฒนาความเชื่อมโยงภาคประชาชน โดยเกาหลีใต้ยินดีแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และนวัตกรรมในด้านที่มีความเชี่ยวชาญกับไทย โดยการนำเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้ เพื่อพัฒนาและต่อยอดให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
นายกรัฐมนตรียังได้เชิญชวนนักลงทุนจากเกาหลีใต้เข้ามาลงทุนในไทย โดยเฉพาะในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ในกลุ่มอุตสาหกรรม 4.0 และ 4IR ซึ่งเกาหลีใต้มีศักยภาพและมีความสนใจ อาทิ ยานยนต์ รถยนต์ไฟฟ้า เทคโนโลยีชีวภาพ ดิจิทัล และหุ่นยนต์ รวมทั้ง ความร่วมมือด้านการเกษตร BCG ซึ่งเป็นการใช้ประโยชน์จากวัสดุเหลือใช้จากภาคการเกษตร ให้นำมาเกิดประโยชน์ใหม่
หลังเสร็จสิ้นการหารือ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ นายมุน แช-อิน ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐเกาหลี ร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างไทยกับเกาหลีใต้ จำนวน 3 ฉบับ ได้แก่บันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งราชอาณาจักรไทย กับกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแห่งสาธารณรัฐเกาหลี เพื่อส่งเสริมความร่วมมือสาขาวิทยาศาสตร์ฯ ผ่านการวิจัยและพัฒนาการดำเนินโครงการร่วมกัน ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่ไทยในการได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้ของเกาหลีใต้
บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างสำนักงานส่งเสริมการค้าและการลงทุนแห่งสาธารณรัฐเกาหลีกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เพื่อเป็นโอกาสในการสนับสนุนการพัฒนาภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมระหว่างไทยกับเกาหลีใต้ ส่งเสริมโอกาสทางธุรกิจพื้นที่ EEC และส่งเสริมความร่วมมือในอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง
บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อแก้ไขปัญหาแรงงานไทยผิดกฎหมายในเกาหลีใต้ กำหนดให้มีการประชุมระหว่างผู้ปฏิบัติของทั้งสองหน่วยงานอย่างสม่ำเสมอ มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงาน เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้แรงงานไทยเดินทางไปทำงานในเกาหลีใต้อย่างผิดกฎหมาย