กรณีนายเสี้ยว นำพา ชาวบ้านหมู่ 9 ต.ท่าเคย อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ร้องเรียนไปยังหน่วยงานต่างๆว่าถูกนายทวี ไกรคุปต์ อดีต รมช.กระทรวงคมนาคม พ่อของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี เขต 3 จ.ราชบุรี ล้อมรั้วกินพื้นที่ทำกินหายไปกว่า 30 ไร่ ทั้งที่พื้นที่ดังกล่าวนั้นทำกินเลี้ยงครอบครัวมากว่า 50 ปีแล้ว มีเอกสารการครอบครองทุกอย่าง แต่เรื่องก็เงียบ ทำให้นางปราณี นำพา ลูกสาวของนายเสี้ยว ต้องหอบหลักฐานการครอบครองไปร้องที่ บก.ปทส.เพื่อขอความเป็นธรรม
วันนี้ (4 ธ.ค.62) นายสุชาติ บัวบาง เจ้าพนักงานป่าไม้ชำนาญงาน ศูนย์ป่าไม้ราชบุรี สำนักจัดการทรัพยา กรป่าไม้ที่ 10 (ราชบุรี) พร้อมนายอรุณ สิงโต หัวหน้าหน่วยป้องกันและพัฒนาสวนผึ้ง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่า เจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรม เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สวนผึ้ง เจ้าหน้าที่กอ.รมน.รมน.จ.ราชบุรี และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.สวนผึ้ง เข้ารังวัดพื้นที่ โดยให้นายเสี้ยว และลูกสาว เป็นผู้นำชี้ เนื่องจากเป็นผู้เข้าครอบครองพื้นที่ตามโครงการสำรวจถือครอง เพื่อจัดการที่ดินในพื้นที่ป่าไม้ถาวรป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี ตามพ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 และตรวจสอบตามกรณีข้อพิพาท
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง เรื่องเงียบ! ชาวบ้านโวยถูกฮุบที่ดิน 30 ไร่ใกล้แปลงพ่อ "ปารีณา"
นายสุชาติ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้ใช้แผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ พร้อมกับเครื่องตรวจจับพิกัดที่ดินซึ่งมีหมายเลขรหัสกำกับไว้ พร้อมเข้าเดินตรวจสอบแต่หลักหมุด หลังนายเสี้ยว ได้ไปร้องศูนย์ดำรงธรรมสวนผึ้ง และยังมีการแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจภูธรสวนผึ้งไว้ว่ามีการปักรั้วลวดหนามรุกล้ำเข้ามาในที่ดิน
ตรวจสอบพื้นที่มีการล้อมรั้วลวดหนาม มีต้นไม้เป็นต้นมะพร้าวปลูกในพื้นที่ โดยที่ดินนายเสี้ยว ได้มีการสำรวจการถือครองไว้ ปัจจุบันที่ดินได้มอบให้กับลูกสาว 2 คน คือ น.ส.อำไพ นำพา 23 ไร่ 2 งาน 79 ตารางวา น.ส.ปราณี นำพา 23 ไร่ 99 ตารางวา
ยังไม่สรุปใครรุกที่ดินชาวบ้าน
เบื้องต้นทั้ง 2 คนได้รับการสำรวจข้อการสำรวจการถือครองเพื่อจัดการที่ดินทำกินในเขตพื้นที่ป่าไม้ถาวร เขตป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี หมายเลข 85 เมื่อปี พ.ศ.2559 ตอนนี้มีข้อมูลว่าทางเจ้าหน้าที่ได้สำรวจไว้แล้ว และส่วนตรงนี้จะดูรายละเอียดว่าที่มีการร้องนั้น ยังไม่รู้ว่าเป็นใคร ซึ่งจะนำข้อมูลที่ได้ไปร่วมกันพิจารณาแก้ไข ส่วนใครที่เข้ามาบุกรุกโดยไม่ได้รับอนุญาต จะต้องดำเนินการตามกฎหมาย
ยืนยันที่จะบังคับใช้กฎหมายโดยเสมอภาคไม่เลือกปฏิบัติ ส่วนที่เหลืออาจจะต้องตั้งคณะทำงาน เพราะเป็นเรื่องใหญ่ จะต้องมีหลายหน่วยงานเข้ามาเกี่ยวข้อง
สำหรับพื้นที่ที่ตรวจสอบในวันนี้ยังคงมีพื้นที่เท่าเดิม แต่ไม่รู้ว่าใครมาเป็นผู้บุกรุก จึงจะให้เจ้าหน้าที่จับพิกัดพื้นที่ทั้งหมด และตรวจสอบมีการนำพืชอะไรบ้างเข้ามาปลูกในพื้นที่ ดูระยะเวลาการปลูกว่านานแค่ไหน เป็นพยานหลักฐานที่ปรากฏในพื้นที่ดังกล่าวด้วย
เบื้องต้นกรณีการปักหลักในพื้นที่ล้ำเข้าไปในพื้นที่ที่มีการรังวัดของชาวบ้าน จะเข้าข่ายเรื่องพิพาทของเอกชน และพิพาทในที่ดินของรัฐ ถ้าใครมีพิพาทกับที่ดินของรัฐ ก็จะถูกดำเนินการไปตามกฎหมายตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ชาวบ้านตื่นตัวยืนยันสิทธิ์ที่ดิน ส.ป.ก.ราชบุรี หวั่นถูกหางเลข
"วีระ" เตือน "ปารีณา" แจ้งความป่าไม้บุกรุก ระวังแจ้งความเท็จ
"ปารีณา-ทวี" ยันสู้คดีรุกป่าถึงที่สุด