"ชีวิตผมหายไปนาน แต่เพื่อความกระจ่างผมขอคำถามเดียว ใครเป็นคนสั่งขังผมครับ"
"ศาลครับ"
นายจตุภัทร บุญภัทรรักษา “ไผ่ ดาวดิน” นักศึกษาและอดีตผู้ต้องโทษคดีหมิ่นสถาบันฯ ยังได้เข้าสภา ตั้งคำถามใส่ผู้แทนกองทัพ อย่าง พ.อ.พิทักษ์พล ชูศรี (เสธ.พีท) ผู้บังคับการกรมทหารพรานที่ 22 อดีตหัวหน้าฝ่ายข่าว กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย จ.ขอนแก่น ในฐานะผู้เข้าแจ้งความ ก่อนที่นายจตุภัทรจะต้องคำพิพากษาจำคุกรวม 2 ปี 6 เดือน
ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับฟากฝั่งรัฐบาลแน่นอน หากจะเกิดกรณีลักษณะคล้ายกัน โดยเฉพาะเมื่อมีญัตติขอตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาผลกระทบ การกระทำ ประกาศ คำสั่ง คสช.และคำสั่งหัวหน้า คสช.ตามมาตรา 44
รศ.ปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.อนาคตใหม่ ใช้ภาษาดอกไม้อภิปรายเหตุผลความจำเป็นที่ต้องตั้ง กมธ.ชุดนี้ สาระสำคัญ คือ เพื่อศึกษาการใช้อำนาจของ คสช.ว่ามีผลอย่างไร และอาจศึกษาประกาศคำสั่งคณะรัฐประหารชุดอื่นด้วย
กมธ.ชุดนี้ ไม่อาจบังคับสั่งรัฐบาลได้ ไม่อาจดำเนินคดีหัวหน้าคณะรัฐประหาร เน้นคำสั่งที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ และจะมีบทสรุปเพียงแค่เล่มรายงานเสนอสภา ส่งต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเท่านั้น
แต่ปฏิเสธไม่ได้ หากใครจะตีความ ถึงการเปิดโอกาสให้ได้ขุดคุ้ย-รื้อฟื้น-ทวงถาม-ตำหนิ-ประจานเหตุการณ์ในช่วง 5 ปี คสช.
และไม่เป็นเรื่องดี หากกลไกนี้สามารถเรียก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้เคยชินกับการสื่อสารทางเดียว (one-way communication) ต้องมาเผชิญหน้ากับกรรมาธิการที่มีทั้ง ส.ส.ฝ่ายค้านและกรรมาธิการสัดส่วนคนนอก
เป็น “ขาประจำ” ที่รอจองกฐิน และพร้อมนำข้อมูลที่ได้มาขยายความต่อนอกห้องประชุม
นี่อาจเป็นเหตุให้พรรคพลังประชารัฐ ต้องเชิญพรรคร่วม แถมฝ่ายค้านอิสระ 2 คน รับประทานอาหารเย็นที่สโมสรราชพฤกษ์ ตอกตะปูเสริมฐานให้มั่นคง ต้องไม่มีสภาล่มรอบ 3 ต้องไม่เกิดองค์ประชุมไม่ครบ และต้องไม่แพ้โหวตเด็ดขาด ก่อนจะทำได้สำเร็จจริงๆ ท่ามกลางเสียงโล่งอกโล่งใจของ ส.ส.ขั้วรัฐบาล หลังเห็นตัวเลของค์ประชุม 261 เสียง ให้นับคะแนนใหม่ ก่อนตีตกญัตติไปได้
แม้จะเกิดการแตกแถว ของ ส.ส.ปชป. 4 คน หนึ่งในนั้นคือ นายเทพไท เสนพงษ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช ซึ่งออกมายอมรับภายหลังว่าคงต้องปรับตัว เพื่อไม่สร้างปัญหาทั้งภายในองค์กร และระหว่างพรรคร่วม แต่เกมนี้ ปชป.กิน 2 ต่อ ทั้งพารัฐบาลไปได้ และหลังพิงอุดมการณ์พรรคที่ต้อง “ไม่สนับสนุนเผด็จการ”
จึงไม่จำเป็นต้องหักหาญน้ำใจกันและกัน หากยังแพ้ศึกเล็กน้อย แต่ประคองตัวชนะสงครามใหญ่ได้ ทำให้ฝ่ายค้านเองก็กดดันมากขึ้น
เพราะแม้รัฐบาลเพลี่ยงพล้ำสะดุดขาตัวเองหลายครั้ง แต่ยังปิดบัญชีในสภาฯ ไม่ได้
ปัญหาภายในก็หนักหน่วง อย่างพรรคเศรษฐกิจใหม่ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ อดีตหัวหน้าพรรค ออกมาแถลงเมื่อ 9 ธันวาคม 2562 ยอมรับไม่สามารถควบคุม 5 เสียงที่เหลือได้ และอ้างว่า “โดนหลอก” มาตั้งแต่ 4 เดือนก่อน
“ก่อนหน้านี้มีเรื่องว่าส.ส.ของพรรค จำนวน 4 คนเป็นงูเห่า ผมเคยเรียกมานั่งคุยและถามว่าคุณไปรับประโยชน์จากใครมาหรือไม่ ซึ่งเขายืนยันว่าไม่มี และผมได้ให้ ส.ส.ของพรรคมาแถลงข่าวกับสื่อมวลชนยืนยัน ย้ำหลายรอบ 1.ไม่มีงูเห่า 2.ให้ผม (มิ่งขวัญ) และรักษาการหัวหน้าพรรค (สุภดิช อากาศฤกษ์) พูด 2 คน แต่พอคุณสุภดิชพูดจบก็เอาไมโครโฟนให้เลขาธิการพรรคแถลงต่อ”
ซึ่งวันนั้น นายภาสกร เงินเจริญกุล เลขาธิการพรรค ย้ำเรื่องเอกสิทธิ์ที่จะลงมติ และขอทุกฝ่ายอย่าอ้างชื่อพรรคไปเป็นมติร่วม โดยไม่มาคุยกันก่อน
ท่ามกลางกระแสดูด ส.ส.ข้ามขั้ว เพื่อแก้ปัญหาเสียงปริ่มน้ำ มติพรรคร่วมไม่ทำให้เสียงโหวตไปในทิศทางเดียวกันได้ มองหน้ากันไม่ติด สูญเสียความไว้วางใจต่อกัน และจากผลโหวตไม่ตั้ง กมธ.วิสามัญเรื่องมาตรา 44 สะท้อน “โมเมนตัม” ที่เหวี่ยงมาทางรัฐบาล
หากปล่อยให้เวลาผ่านไป ไพ่สำคัญในมือ อย่างญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือกรอบการแก้ไขรัฐธรรมนูญ คงไม่บรรลุเป้าหมาย
และจะทำให้เสียงมวลชนดังขึ้นเรื่อยๆ เร่งเร้าให้พวกเขานำขบวนสู่การเมืองบนท้องถนน
จตุรงค์ แสงโชติกุล