ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (11 ธ.ค. 2562) นายวิชัย บุญยู้ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายงานพัฒนาธุรกิจ และการตลาด บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) เปิดเผยว่า วันนี้เป็นการเปิดให้เอกชนยื่นข้อเสนอโครงการให้สิทธิ์ประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร (Duty Free) ท่าอากาศยานดอนเมือง โดยมีบริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด เพียงรายเดียวที่เข้ายื่นข้อเสนอด้านราคา
โดยหลังจากตรวจสอบคุณสมบัติเอกชนผู้เข้ายื่นครบถ้วนแล้ว ก็จะมีการกำหนดให้เอกชนเข้ายื่นข้อเสนอด้านเทคนิคในวันที่ 13 ธ.ค.นี้ และจะมีการประกาศผลให้วันที่ 16 ธ.ค.นี้ หากผ่านเกณฑ์จะมีการเสนอราคาค่าตอบแทนในวันที่ 18 ธ.ค.นี้ และจะรายงานให้คณะกรรมการ ทอท.ในวันที่ 23 ธ.ค. สำหรับเอกชนที่ชนะการประมูลจะได้สิทธิบริหารพื้นที่ร้านค้าปลอดอากรท่าอากาศยานดอนเมืองตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2565 - 31 มี.ค.2576
ส่วนการที่มีเอกชนยื่นข้อเสนอเพียงรายเดียวนั้น เบื้องต้น คณะกรรมการคัดเลือกฯ พิจารณาแล้วว่าน่าจะสามารถดำเนินการประมูลต่อได้ แต่ต้องพิจารณาเอกสารต่างๆ ให้รอบคอบ อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ คณะกรรมการคัดเลือกฯ จะมีการพิจารณาข้อกำหนดว่าด้วยวิธีดำเนินการคัดเลือกเพื่อให้ประกอบกิจการเชิงพาณิชย์อีกครั้งเพื่อความรอบคอบในกรณีที่มีเอกชนเข้ายื่น ตลอดจนประกาศรับรองคุณสมบัติต่อไป
ด้านนายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เชื่อว่าการแข่งขันประมูลดิวตี้ฟรี สนามบินดอนเมือง จะมีการแข่งขันที่ไม่ดุและอาจไม่มีการทุ่มราคาทิ้งห่างคู่แข่งเหมือนการประมูลดิวตี้ฟรีที่ผ่านมา เนื่องจากผู้ประกอบการธุรกิจปลอดภาษีอาการ ทราบตัวเลขของประมาณการรายได้และกำไรในโครงการนี้อยู่แล้ว ประกอบกับไม่มีปัจจัยเติบโตของผู้โดยสารมากนัก เพราะไม่สามารถเพิ่มรันเวย์ได้แล้ว แม้จะมีการก่อสร้างอาคารใหม่เพิ่มแต่จำนวนเที่ยวบินจะไม่เพิ่มขึ้นในระยะยาว แตกต่างกับดิวตี้ฟรีสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งสามารถก่อสร้างรันเวย์ใหม่รองรับผู้โดยสารเพิ่มได้อีกหลายสิบล้านคน ทำให้การประมูลที่ผ่านมาจึงมีการทุ่มข้อเสนอด้านราคาจำนวนมหาศาล
อย่างไรก็ตาม เกณฑ์การตัดสินผลประมูลครั้งนี้ยังคงให้น้ำหนักไปที่ข้อเสนอด้านราคา และยังคงเงื่อนไขการมีเสนอค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำรายปี ส่วนเกณฑ์คุณสมบัติด้านอื่นๆยังคงยึดตามเงื่อนไขเหมือนโครงการประมูลดิวตี้ฟรี ในครั้งที่ผ่านมาล่าสุด
สำหรับดิวตี้ฟรีของสนามบินดอนเมืองจะเริ่มสัญญาใน ตุลาคม 2565 จึงเหลือเวลาให้เอกชนบริหารจัดการและเข้าพื้นที่ 2 ปี ก่อนสัญญาสัมปทานเดิมจะหมดลงในเดือน กันยายน 2565 โดยเอกชนจะได้รับสิทธิ์บริหารจัดการพื้นที่รวมไม่เกิน 4,000 ตารางเมตร โดยแบ่งออกเป็นพื้นที่ภายในอาคารผู้โดยสารหลังเดิม 1,800-2,000 ตารางเมตร และส่วนที่เหลือจะเป็นพื้นที่อาคารผู้โดยสารหลังใหม่ ปัจจุบันสนามบินดอนเมืองมีผู้โดยสารปีละ 40 ล้านคน