ภาพปัจจุบันของเมืองโก๊กโก่ ที่ก่อสร้างได้เพียง 1 ใน 200 ส่วนตามแผนของการสร้างเมืองจีนแห่งใหม่ ในเมืองโก๊กโก่ จังหวัดเมียวดี ประเทศเมียนมา ตรงข้าม อ.แม่สอด จ.ตาก ที่มีเพียงแม่น้ำเมยเป็นพรมแดนระหว่างไทย-เมียนมากั้นเท่านั้น
แหล่งข่าวผู้ประกอบค้าชายแดนแม่สอดให้ข้อมูลว่า พื้นที่ชายแดนแม่สอด ฝั่งตรงข้ามจังหวัดเมียวดี ปัจจุบันมีกลุ่มทุนจีนมาลงทุนหลายกลุ่ม แต่กลุ่มทุนจีนที่ลงทุนใหญ่ที่สุดคือกลุ่ม Yatai ที่ประกาศเดินหน้าลงทุนบนพื้นที่ 5 แสนไร่ โดยเช่าพื้นที่กับรัฐบาลเมียนมา เป็นเวลา 50 ปี และสามารถต่อสัญญาเช่าได้อีกคราวละ 10 ปี หลังหมดสัญญาขึ้นอยู่กับข้อตกลงกับรัฐบาลเมียนมา
ความคืบหน้าการลงทุนล่าสุดกลุ่ม Yatai สร้างเมืองมาแล้ว 2 ปี โดยเริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี 2560 ปรับพื้นที่ ในปี 2561 เริ่มมีการก่อสร้างในช่วงแรกมีการก่อสร้างอาคาร โดยแผนรวมทั้งหมดของโครงการนี้มีมูลค่าการลงทุน หากครบวงจร 4 แสน 5 หมื่นล้านบาท หรือ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเริ่มสร้างอาคารที่อยู่อาศัย โรงแรม ก่อนให้กับกลุ่มนักลงทุน และคนจีนที่จะมาอาศัยระหว่างการสร้างเมืองใหม่
เมื่อสำรวจในตัวเมืองโก๊กโก่ปัจจุบัน กลุ่ม Yatai เร่งสร้างสาธารณูปโภค เช่น ถนน โรงผสมปูน โรงงานอิฐบล๊อก ที่พักอาศัยของคนงาน และอาคารพาณิชย์ โรงแรม สถานบันเทิงมีความคืบหน้าก่อสร้างไปทั่วพื้นที่ ส่วนราคาอาคาร และบ้านพักมีหลายราคาตั้งแต่ไม่กี่ล้านบาท ไปจนถึงหลายสิบล้านบาท และยังมีการปล่อยให้เช่าพักเป็นรายเดือนด้วย ซึ่งเริ่มมีคนจีนเข้ามาอาศัยอยู่บ้างแล้ว
นอกจากนี้ยังพบการก่อสร้างเมืองต่อเนื่อง เมื่อสำรวจพื้นที่โดยรอบมีการก่อสร้างอาคาร เช่น โรงแรมขนาดสูง 8 ชั้น 6 หลัง อาคาร 15 ชั้น 5 หลัง กำลังเร่งการก่อสร้างอีกจำนวนมาก ส่วนวัสดุก่อสร้างแหล่งข่าว ระบุว่า นำเข้ามาจากหลายที่ ทั้งจากไทย และจีน เช่นงานฐานรากอาคาร เช่น เสาเข็มจะนำเข้ามาจากเมืองจีน ส่วนวัสดุก่อสร้างอื่นๆ เช่น ปูน เหล็ก อุปกรณ์ตกแต่งบ้านอื่นๆ จะซื้อใน อ.แม่สอด จ.ตาก
“เมืองซุ่ยโก๊กโก่” คือชื่อใหม่ที่นักลงทุนจีนเรียกเมืองนี้ แปลเป็นภาษาไทย หมายถึง “เมืองต้นจามจุรีทอง” ถือเป็นการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ของจีนที่มาลงทุนนอกประเทศ หากก่อสร้างเสร็จตามแผนที่วางไว้ คาดว่าเมืองแห่งนี้จะสามารถรองรับชาวจีนมาอาศัยอยู่ได้ราว 1 ล้านคน ในปี พ.ศ.2570
นอกจากนี้ยังมีการก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อผลิตสินค้าไปขายยังประเทศอื่นๆ เช่น ยุโรป อเมริกา อาศัยประเทศเมียนมาเป็นฐานการผลิต อาศัยมาตรการทางสิทธิภาษีเพื่อการส่งออก และยังเตรียมก่อสร้างถนนมอเตอร์เวย์ จากเมืองโก๊กโก-เมาะลำไย ระยะทางประมาณ 160 กิโลเมตร เพื่อเชื่อมกับท่าเรือน้ำลึกที่บริษัทจีน เตรียมลงทุนการก่อสร้างอีกแห่งหนึ่งในในเมียนมาเพื่อส่งออกสินค้าออกไปขายทั่วโลก นอกจากนี้จีนเตรียมก่อสร้างถนนเรียกว่า R4a ลงมาจากเส้นทางจากเมืองหมุ่ยลี่-หมุ่ยแซ่ เชื่อมกับอ่าวเมาะตะมะ นักธุรกิจท้องถิ่นคาดว่าจะก่อสร้างภายใน 10 ปี
แหล่งข่าวผู้ประกอบการค้าชายแดนแม่สอด มองว่า การที่จีนต้องการขยายอิทธิพลของประเทศ ทางมณฑลด้านทิศตะวันตก เพราะจีนไม่มีทางออกทางทะเล เมียนมามีพื้นที่ติดทะเลจึงเป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญ สังเกตจากกรณี "สี จิ้น ผิง" ประธานาธิบดีของจีน หารือกับ "นางออง ซาน ซูจีน" ของเมียนมาเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ประเทศจีนให้ความสำคัญกับเมียนมามากถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญเส้นทางการค้าของจีนตามนโยบาย "หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" (One Belt One Road)
ผู้ประกอบการค้าชายแดนแม่สอด มองว่า ในปี 2565 เมืองชายแดนแม่สอด-เมียวดี จะเปลี่ยนไป ถ้าคนไทยในแม่สอดไม่ปรับตัวให้เร็ว หรือชิงความได้เปรียบระหว่างที่มีการลงทุนขนาดใหญ่ในเวลานี้ จะทำให้ไทยเสียโอกาสหลายอย่าง อนาคตคลื่นของคนจีนจะกระเพื่อมมาหาไทยอย่างมหาศาล จะกระทบด้านสังคม วัฒนธรรม และความมั่นคง และพื้นที่ฝั่งตรงเมืองโก๊กโก่ ยังจะมีการก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมอุตสาหกรรมเบา เช่น อุตสาหกรรมสิ่งทอ เสื้อผ้า และอุตสาหกรรมการเกษตร เช่นข้าวโพด ถั่วเขียว ฯลฯ ประเทศไทยจะเป็นเพียงแค่ทางผ่านสินค้าเหมือนปัจจุบัน ที่ขนสินค้าไปขายเมียนมา ขณะที่เขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด 5 ปีที่ผ่านมา ยังติดปัญหาหลายอย่าง แม้จะมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานพร้อมแล้ว แต่ยังติดปัญหา เช่น ผังเมือง สิทธิพิเศษทางภาษี และความชัดเจนการบริหารจัดการพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ
เรื่อง : โกวิทย์ บุญธรรม