วันนี้ (24 ม.ค.2563) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงการต่างประเทศเมียนมา ออกแถลงการณ์ระบุว่า คำวินิจฉัยของยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ศาลโลก ที่ให้เมียนมาออกมาตรการคุ้มครองชาวโรฮิงญาจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ เป็นการบิดเบือนข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ในรัฐยะไข่
นอกจากนี้ยังย้ำว่า การตรวจสอบของคณะกรรมการอิสระที่รัฐบาลเมียนมาแต่งตั้งขึ้น ไม่พบการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในพื้นที่รัฐยะไข่ แม้ว่าจะมีเจ้าหน้าที่ความมั่นคงบางส่วนก่ออาชญากรรมสงครามขึ้นก็ตาม
กระทรวงการต่างประเทศเมียนมา ระบุว่า การประณามขององค์กรด้านสิทธิมนุษยชนส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีระหว่างเมียนมากับบางประเทศ จนเป็นอุปสรรคต่อการวางพื้นฐานด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนในรัฐยะไข่
ท่าทีแข็งกร้าวของเมียนมา เกิดขึ้นหลังจากองค์คณะผู้พิพากษาศาลโลก 17 คน ลงมติเป็นเอกฉันท์ให้เมียนมาดำเนินมาตรการทุกวิถีทาง เพื่อคุ้มครองชาวโรฮิงญาจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และการละเมิดสิทธิมนุษยชน อีกทั้งยังมีคำสั่งให้เมียนมารายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับการดำเนินมาตรการต่างๆ ต่อศาลโลก ภายในเวลา 4 เดือนข้างหน้าด้วย
การอ่านคำวินิจฉัยของศาลโลกมีขึ้นหลังจากแกมเบีย ในฐานะสมาชิกองค์การความร่วมมืออิสลาม หรือ โอไอซี ยื่นฟ้องเมียนมาต่อศาลโลก ในข้อหาละเมิดอนุสัญญาว่าด้วยการป้องกันและลงโทษความผิดอาญาฐานฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ปี 1948 จนนำไปสู่การพิจารณาคดีนัดแรก เมื่อวันที่ 10-12 ธ.ค.2562