วันนี้ (27 ม.ค.2563) เมื่อเวลา 16.30 น. พล.ต.อ.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารคดีพิเศษ รองโฆษกดีเอสไอ ร่วมกับ พ.ต.ท.เชน กาญจนาปัจจ์ ผู้อำนวยการกองคดีปฏิบัติการพิเศษภาค พ.ต.ท.เสฏฐ์สถิตย์ สุวรรณกูฏ รองผู้อำนวยการกองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค และ ผศ.นพ.วรวีร์ ไวยวุฒิ ผู้อำนวยการกองสารพันธุกรรม สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ร่วมแถลง เปิดเผยหลังอัยการคดีพิเศษ 1 มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน พร้อมพวก ร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวทำร้าย และร่วมกันฆ่าอำพรางศพ นายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่
โดยขณะนี้ทางดีเอสไอได้รับหนังสือความเห็นของอัยการมาแล้ว และอยู่ระหว่างให้กองบริหารคดีพิเศษพิจารณาความเห็นของอัยการอย่างละเอียดภายใน 1 เดือน แต่หากมีเอกสารจำนวนมากก็สามารถขอขยายเวลาได้ และหากมติของคณะกรรมการเห็นด้วยกับอัยการก็จะเสร็จสิ้นกระบวนการไป แต่หากเห็นแย้งกับอัยการก็จะทำหนังสือถึงอัยการสูงสุดให้ชี้ขาดอีกครั้งว่าเห็นควรสั่งฟ้องในข้อหาใดบ้างตามที่ได้แจ้งไปก่อนหน้านี้
พ.ต.ต.วรณัน ยังกล่าวว่า ความเห็นของอัยการไม่ได้มีคำสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติม แต่มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นฯ และข้อหาอื่นๆ แต่มีความเห็นสั่งฟ้องเพียงข้อหาเป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ฯ เพียงข้อหาเดียว ทำให้ในส่วนของดีเอสไอก็ไม่สามารถไปแสวงหาพยานหลักฐานในคดีนี้เพิ่มเติม แต่จะใช้พยานหลักฐานที่มีอยู่เป็นเหตุผลประกอบการโต้แย้งในข้อหาที่สั่งไม่ฟ้อง ซึ่งดีเอสไอมีการสอบพยานบุคคลไปแล้ว 131 คน และพยานผู้เชี่ยวชาญ เอกสารต่างๆ อยู่แล้ว แต่ในระหว่างสอบสวนไม่ได้เชิญอัยการเข้ามาร่วมด้วย มีเพียงเป็นที่ปรึกษาคดีเท่านั้น
ขณะ ผศ.นพ.วรวีร์ ระบุว่า หลักฐานการตรวจหาสารพันธุกรรมผ่านระบบไมโทคอนเดรีย เป็นวิธีการที่เป็นที่ยอมรับของสากล ที่ใช้ในการตรวจหาดีเอ็นเอจากกระดูกที่มีความเสื่อมสภาพ และเป็นไปตามกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการหาความเชื่อมโยงระหว่างแม่กับลูก หรือ ยายกับหลานได้ ซึ่งผลการตรวจกระดูกที่พบในคดีนี้ผลปรากฏว่าเป็นกระดูกที่สืบสายโลหิตกับมารดาของนายพอละจี แต่ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นนายพอละจีหรือไม่ ต้องมีการสืบสวนประกอบ
การตรวจสารพันธุกรรมที่ใช้ในกรณีนี้ คือ ไมโตคอนเดรียดีเอ็นเอ ซึ่งนำมาจากหลักฐานกระดูก ยืนยัน การตรวจรูปแบบนี้เป็นการตรวจที่ยอมรับของสากลสำหรับกรณีที่หลักฐานเสื่อมสภาพแล้ว ตามหลักการวิทยาศาสตร์ การตรวจไมโทคอนเดรียดีเอ็นเอซึ่งอยู่นอกนิวเคลียส เป็นการตรวจการสืบสายพันธุ์ เพื่อเชื่อมโยงระหว่างยายสู่หลาน หรือแม่สู่ลูก เมื่อเปรียบเทียบกับแม่ของนายพอละจี แล้วพบว่ามีไมโทคอนเดรียตรงกัน จึงสรุปได้ว่ามีการสืบสายโลหิต ส่วนเรื่องการประกอบสืบสวนสอบสวนสาแหรกของสายพันธุ์แม่ของนายพอละจี ทางพนักงานสอบสวนก็ได้สืบต่อไป
ไม่ได้ยืนยันว่าเป็นแม่กับลูก แต่เป็นสายสัมพันธุ์ที่ถ่ายทอดจากแม่ต่อลูก อาจจะเป็นยายคนเดียวกัน แม่คนเดียวกัน ปกติการใช้ไมโทคอนเดรียจะใช้สำหรับการพิสูจน์คนหาย มีหลายคดีที่ใช้ไมโทคอนเดรียในการยืนยันตัวบุคคลแต่ก็ต้องใช้หลักฐานอื่นประกอบด้วย
ด้าน พ.ต.ท.เชน กาญจนาปัจจ์ ยืนยันว่า ได้สอบปากคำญาติของนายพอละจีทั้งหมดแล้ว จนรู้ว่าพี่น้องของนายพอละจีถูกเผา หรือฝังตามพิธีกรรมแล้วทั้งหมด เหลือเพียงนายพอละจี เพียงคนเดียวที่ยังไม่พบตัวจนมาพบกระดูกในแอ่งน้ำในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน และผลการตรวจหาสารพันธุกรรมแบบไมโทคอนเดรีย ตรงกับแม่ของนายพอละจี ทำให้เชื่อได้ว่าเป็นกระดูกของนายพอละจี
เราไม่ได้ฟันธงว่าเป็นบิลลี่ แต่สืบพยานแล้วจึงเชื่อได้ว่าเป็นบิลลี่ ส่วนการทำสำนวนรัดกุมมากน้อยแค่ไหน ก็ทำเต็มที่ ส่งให้ศาลพิจารณาออกหมายจับ ศาลก็ออกหมายจับ พร้อมดึงหลายๆ หน่วยงานมาร่วมตรวจสอบด้วย ผมเชื่อไม่ต่างจากที่นิติวิทยาศาสตร์ยืนยันว่า ทำคดีมาตรฐานเดียวกับเอฟบีไอ
นอกจากนี้ พ.ต.ท.เชน ยังยืนยันว่า ในการสอบสวนพยานบุคคลไม่มีการบังคับ แต่ในขณะที่สอบสวนนักศึกษาฝึกงานยอมรับว่าช่วงนั้นอาจเป็นเด็กที่ยังไม่มีวุฒิภาวะ ทำให้การสอบสวนอีกครั้งมีการกลับคำให้การ
สำหรับคดีนี้ญาติของนายพอละจี สามารถยื่นฟ้องต่อศาลอาญาเองได้ ในฐานะผู้เสียหายโดยตรง แต่ในขั้นตอนขณะนี้ยังถือว่าไม่สิ้นสุด ต้องรอการพิจารณาความเห็นอัยการของดีเอสไอก่อน หากเห็นแย้งก็จะให้อัยการสูงสุดพิจารณาสำนวนอีกครั้ง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
กระดูกไม่ยืนยันตัวตน "บิลลี่" หลักฐานน้อย ปมไม่สั่งฟ้อง