ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ม.เกษตร-จุฬาฯ เร่งสำรวจค้างคาวมงกุฎไทยหาเชื้อ "โคโรนา"

สิ่งแวดล้อม
30 ม.ค. 63
17:27
2,764
Logo Thai PBS
ม.เกษตร-จุฬาฯ เร่งสำรวจค้างคาวมงกุฎไทยหาเชื้อ "โคโรนา"
นักวิจัย มก.-จุฬาฯ เตรียมสุ่มเจาะเลือดค้างคาวมงกุฎสายพันธุ์ไทย หาเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หลังมีรายงานสายพันธ์ุมงกุฏเทาแดง ในจีน อาจเป็นต้นตอของเชื้อระบาด คาด 1-2 เดือนนี้ สุ่มเก็บตัวอย่างทั่วประเทศ ชี้ไทยติดตามเชื้อโรคอุบัติใหม่ เตือนกินดิบเสี่ยงโรค

กรณีพบรายงานค้างคาวสายพันธุ์มงกุฎเทาแดง ในประเทศจีน ที่พบว่าอาจเป็นต้นตอในการแพร่เชื้อโรคไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ทำให้เกิดความตื่นตระหนกว่าค้างคาวสายพันธุ์ต่างๆในไทยจะเป็นตัวแพร่เชื้อหรือไม่ 

วันนี้ (30 ม.ค.2563) ไทยพีบีเอสออนไลน์ สัมภาษณ์ รศ.ดร.ประทีป ด้วงแค อาจารย์ภาควิชาชีววิทยาป่าไม้ คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) กล่าวว่า จากการศึกษาค้างคาวในไทยพบว่ามี 140 ชนิด และพบเชื้อไวรัสชนิดใหม่ในค้างค้าวไทยกว่า 400 ชนิด แต่ยังไม่มีรายงานการแพร่เชื้อสู่คน รวมทั้งยังไม่เจอเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ ในค้างคาวไทย

นักวิจัย กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมานักวิชาการมีการตรวจหาเชื้อโรคอุบัติใหม่จากค้างคาวทุกๆ ปี นับตั้งแต่การมีรายงานว่าค้างคาวสามารถแพร่โรคอุบัติใหม่ได้ เช่น โรคซาร์ส จากค้างคาว ไปสู่อีเห็น-ชะมด และคน ค้างคาวแม่ไก่ ที่มีเชื้อนิปาห์ มีการติดต่อโดยตรงจากค้างค้าวสู่คนในประเทศบังคลาเทศ หรือติดจากค้างคาว สู่หมู่ -สู่คน ที่มาเลเซีย รวมทั้งโรคอีโบลา ที่มาจากเชื้อไวรัสในค้างคาวบัวที่แอฟริกา ซึ่งกรณีโรคอีโบลา เจาะหาเชื้อมาแล้วกว่า 1 ปี และผลการศึกษาไม่พบเชื้ออีโบลาในค้างคาวบัวในไทย

 

นักวิชาการ ระบุว่า แต่เพื่อให้เกิดความมั่นใจ และวางแผนรับมือไวรัสโคโรนาจากสัตว์สู่คน ทีมนักวิจัยไทยที่ศึกษาไวรัส และโรคอุบัติใหม่ในค้างคาวทั้งจากมก.และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เตรียมลงพื้นที่เจาะเลือด และเก็บสารคัดหลั่งในค้างคาวสายพันธุ์มงกุฎ ซึ่งกระจายตัวและอาศัยอยู่ในถ้ำทั่วประเทศ เพื่อตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา คาดว่าจะเริ่มภายใน 1-2 เดือนนี้

เวลานี้ในข้อมูลที่มีอยู่ ยังยืนยันไม่เจอไวรัสโคโรนาในไทย แต่หากไปสุ่มตรวจ แล้วเกิดเจอเชื้อขึ้นมา เช่น จากตัวอย่าง 100 ตัว เกิดเจอเชื้อ 1% กระบวนการควบคุมนโยบาย และมาตรการของไทยก็ต้องเปลี่ยนแล้ว

กินค้างคาวดิบเสี่ยงรับเชื้อโรคสู่คน

นักวิชาการ กล่าวอีกว่า ถ้าให้ประเมินการแพร่เชื้อโรคจากค้างคาว มาสู่คน โอกาสน้อยมาก ไม่น่าห่วง แต่ควรจะโฟกัสที่คน ที่ป่วย และเป็นตัวกลางในการแพร่เชื้อจากคนสู่คนมากกว่า เป็นการจัดการแพทย์จากคนสู่คน ซึ่งค้างคาวกับคนไทยอยู่ด้วยกันมานานแล้ว ตามบ้าน เพดาน ตามวัด อยู่ใกล้กับคนมานานแล้ว และทางคณะแพทย์ จุฬาฯเคยมีการตรวจคนที่มีความเสี่ยง ไม่พบเชื้อจากค้างคาวมาสู่คน แต่ไม่ใช่ว่าจะไปจับค้างคาวมาเล่นได้ ประมาทไม่ได้อย่าทำให้เสี่ยง ไปจับค้างคาวมากิน

ถึงแม้ค้างคาวจะมีตัวเชื้อโรคอยู่ในตัวเอง แต่ค้างคาวไม่ใช่ผู้ร้าย สิ่งที่โหดคือคนไปกินค้างคาว ตรงนี้ที่จะเปลี่ยนให้เชื้อจากค้างคาวมาสู่คนมีโอกาสเสี่ยง ยิ่งคนที่กินดิบ จะยิ่งเสี่ยงมากขึ้น 

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ตม.แจงข้อมูลคนจีนมาไทย 930,965 คน

"หมอยง" เปิดกราฟ 6 เดือนสู้ไวรัสโคโรนาระบาดหนัก

สธ.แถลงรอผลตรวจ 2 แท็กซี่ติดเชื้อไวรัสโคโรนาหรือไม่

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง