วันนี้ (7 ก.พ.2563) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 3 ของการดูแลคนไทยกลับบ้านจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ซึ่งต้องเข้าพักที่อาคารรับรองสัตหีบ จ.ชลบุรี เป็นระยะเวลา 14 วัน เพื่อตรวจเฝ้าระวังไวรัสโคโรนาโด ซึ่งในวันนี้ (7 ก.พ.) นพ.สุเทพ เพชรมาก ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขเขต 6 เปิดเผยว่า สถานการณ์ภาพรวมการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 พบว่าประเทศไทยอยู่ที่อันดับ 4-5 แล้ว จากเดิมอันดับ 2 แสดงให้เห็นถึงภาพรวมว่าประเทศไทยดูแลได้ดี และจำนวนเคสไม่ได้เพิ่มขึ้นมาก และเมื่อวานนี้ มีการคืนโทรศัพท์และซิมให้กับคนไทยที่มาพัก เพื่อให้มีการสื่อสารกับทางบ้านได้ เพื่อไม่ให้เกิดอาการเครียด และน่าจะมีความสุขมากขึ้น
ประเมินอาการแบบวันต่อวัน ยังประมาทไม่ได้
นพ.สุเทพ เพชรมาก (เสื้อขาว)
ส่วนเมื่อวานนี้ กลุ่มที่เปราะบาง 4 คน คือหญิงตั้งครรภ์ 2 เดือน เด็กเล็ก 6 เดือน เด็ก 2 ขวบ และเด็ก 3 ขวบ ซึ่งมีการดูแลเป็นพิเศษ นอกจากนี้ กลุ่มที่มีโรคประจำตัว ซึ่งต้องให้ยาและแพทย์ได้ตรวจดูแลรักษา ขณะเดียวกัน พบคนไทย 2 คน ที่ตรวจพบมีอาการที่ดูแล้วเข้าเกณฑ์เฝ้าระวัง ซึ่งรายที่ตรวจเพิ่มเติมมี 1 คน แต่พักอยู่ห้องเดียวกัน จึงต้องส่งไปตรวจเพิ่มทั้ง 2 คน เพื่อความรอบคอบ เนื่องจากเข้าข่ายเป็นหวัด มีประวัติสัมผัส มีไข้ต่ำ แต่มีอาการไอเล็กน้อย
นพ.สุเทพ กล่าวว่า ส่วน 4 คนที่อยู่ รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ที่ไปส่งไปตรวจเพิ่มเติม พบว่าผลตรวจเป็นลบและเป็นปกติแล้ว แต่ยังมีการตรวจติดตามเพิ่มทุกคน และยังประมาทไม่ได้ เพราะคนไทยทั้งหมดเดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ซึ่งเป็นพื้นที่ติดเชื้อโรค ซึ่งจะมีการประเมินอาการแบบวันต่อวันอย่างไม่ประมาท เพื่อไม่ให้ญาติพี่น้องตกใจและระบบดูแลได้มาตรฐาน
ขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันต่อไป ยังการ์ดตกไม่ได้
ส่วนการปฏิบัติตัว โดยหลักแล้วเหมือนประชาชนทั่วไป ล้างมือบ่อยๆ ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกัน ใส่หน้ากากอนามัย เพื่อเป็นการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา ส่วนเรื่องของฝาก มองว่าไม่น่าจะมีของฝากอะไร เพราะมีการจัดการดูแลให้ทั้งหมดตั้งแต่อาหารและเสื้อผ้า เพื่อไม่ให้เป็นภาระและข้อกังวลของญาติ ซึ่งในปัจจุบัน คนไทยที่กลับมาจากเมืองอู่ฮั่นพักอาศัยอยู่ที่ห้องพักรับรองสัตหีบรวมทั้งหมด 132 คน และไปอยู่โรงพยาบาล 6 คน ทั้งนี้ อยากให้สื่อมวลชนติดตามข่าวสารจากทางส่วนกลางแทน เพราะมีการส่งข้อมูลไปให้ทางกระทรวงสาธารณสุขอยู่แล้ว
4 คนไข้เดิม "ไม่มีไข้-ไอ" ผลตรวจเป็นลบ
พล.ร.ต.เกิดศักดิ์ วีระโยธิน (คนที่ 2 จากซ้าย)
พล.ร.ต.เกิดศักดิ์ วีระโยธิน ผอ.รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กล่าวว่า คนไข้ทั้ง 2 คนไม่ได้ส่งไป รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ โดย 1 คนไปที่ รพ.ชลบุรี ส่วนอีกคนไปที่ รพ.สัตหีบ สำหรับคนไข้ที่นอนอยู่เดิม วันนี้เป็นข่าวดี ไม่มีไข้ ไม่มีไอ ส่วนคนไข้ที่มีอาการถ่ายเหลวนั้นหายแล้วเป็นปกติ ส่วนคนไข้มีความผิดปกติที่ปอดขวาส่วนล่าง ผลเอกซเรย์พบว่าปอดปกติแล้ว หลังจากนี้จะกลับไปพักที่อาคารพักรับรองให้ครบ 14 วัน ตามมาตรการ แต่การที่จะออกจาก รพ.วันไหน คงต้องมีการปรึกษาหารือกระทรวงสาธารณสุขอีกครั้ง เพราะเพิ่งทราบผลยืนยันว่าไม่พบเชื้อ ซึ่งขอให้พี่น้องทุกคนสบายใจได้
ผลการตรวจไวรัสซ้ำอีกครั้ง ทุกคนไม่พบไวรัสแล้ว ถือว่าทั้ง 4 คนเป็นปกติ
สถานการณ์โดยรวมอยู่ในภาวะเฝ้าติดตาม
พล.ร.ท.ประชาชาติ ศิริสวัสดิ์ โฆษกกองทัพเรือ กล่าวว่า ระหว่างคนที่พักอยู่ที่อาคารรับรองสัตหีบกับ รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เป็นการเชื่อมต่อกันในภาวะปกติ เพราะว่าทุกคนไม่ได้ตรวจพบเชื้อไวรัสแต่ประการใด การเจ็บป่วยทั่วไปอาจจะมี เพราะว่าคนทั่วไปอาจจะมีโรคอื่นๆ ของตัวเอง พอเกิดอาการไข้ อาการต้องสงสัย จึงต้องสลับกันไปสลับกันมา ซึ่งสถานการณ์โดยรวมอยู่ในภาวะเฝ้าติดตาม การใช้ชีวิตสามารถทำได้ตามปกติ การจะมาเยี่ยมญาติสามารถกระทำได้โดยสมบูรณ์ มาเยี่ยมกันก็ฝากของกันไป
อาจมีการทุเลาให้ข่าวสารจากที่นี่ไปบ้างก็ได้ แต่วันที่ 19 ก.พ.นี้ ซึ่งเป็นวันกลับสามารถมาได้
ตัวเลขผู้ป่วยคงเดิม ส่วนใหญ่อาการดีขึ้น
นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย
ขณะที่ นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จำนวนผู้ป่วยไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่คงเดิม 25 คน กลับบ้านแล้ว 9 คน และรักษาตัวที่โรงพยาบาล 16 คน ส่วนหนึ่งอาการดีขึ้นมาก รอเพียงผลแล็บ ส่วนผู้ที่ต้องทำการสอบสวนโรคสะสม 615 คน ซึ่งตัวเลขเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีการปรับนิยามคนที่เข้าข่าย เป็นการดำเนินการเชิงรุกและเน้นป้องกัน ขณะนี้อนุญาตให้กลับบ้าน 225 คน เหลือ 390 คน อยู่ในความควบคุมและดูแลแพทย์ ส่วนคนขับรถสาธารณะที่ป่วยวัณโรคร่วมด้วย ขณะนี้อาการทรงตัว และมีแพทย์ดูแลอย่างใกล้ชิด ขณะที่กระแสข่าวเรียกลูกเรือการบินไทยมาตรวจเพิ่มเติมนั้น เป็นไปตามมาตรฐานของการดำเนินการควบคุมโรคสำหรับบุคคลที่ได้สัมผัส หรือใกล้ชิดกับผู้ป่วย พบว่าหลายคนไม่มีอาการใด และผลตรวจส่วนใหญ่ไม่พบเชื้อ
ทุกคนสบายดี หากผลแล็บลบก็แพ็คกระเป๋ากลับบ้านได้เลย
ส่วนการรับพี่น้องชาวไทยจากอู่ฮั่น 138 คน มี 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่อยู่ในอาคารรับรองสัตหีบ และอีก 4 คน ที่เข้าข่ายสอบสวนโรคอยู่ที่ รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ พบว่าพุดคุยได้ดีมาก รอความชัดเจนของผลแล็บ แต่เบื้องต้นไม่ได้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา คาดว่าจะขยับออกมาในส่วนของการกักกัน 14 วัน ก่อนกลับบ้านไปพบปะครอบครัว
138 คนไทยสุขภาพจิตดี
นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต
นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า การรับคนไทย 138 คน มีทีมงานแพทย์ และจิตแพทย์ ร่วมดูแล พบว่าส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาที่มีความรู้เกี่ยวกับโรคดังกล่าวเป็นอย่างดี ไม่มีปัญหาอะไรและกลับมาถึงไทยโดยสวัสดิภาพ ส่วนการเข้าพักที่อาคารรับรองสัตหีบ ซึ่งเป็นการกักกัน 14 วัน อาจเกิดความกังวลของตัวโรค การติดต่อสื่อสาร และการเข้ามาอยู่ในพื้นที่จำกัดในช่วงวันแรกๆ อาจทำให้เกิดความเครียดและวิตกกังวัลได้ จิตแพทย์จึงดูแลอย่างเข้มข้นในช่วง 3 วันแรก โดยการประเมินสุขภาพจิต ความเครียด อาการซึมเศร้า และความคิดฆ่าตัวตาย ไม่พบในอัตราสูง ส่วนวันที่ 2 ทางกองทัพเรือ มอบโทรศัพท์มือถือให้กับ 134 คน เพื่อสื่อสารติดต่อญาติและเพื่อน
14 วันที่ผมกังวลว่าเขาจะทนไหวไหม ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
ด้าน นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีชาวมาเลเซีย และเกาหลีใต้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาจากการเข้าร่วมประชุมที่สิงคโปร์นั้น ยืนยันว่าไทยยังคงมาตรการเฝ้าระวังอย่างเข้มข้นและแจ้งให้ผู้เกี่ยวข้องรับทราบถึงสถานการณ์ ซึ่งคนไทยที่มีภาวะเสี่ยง หรือสัมผัสกับนักท่องเที่ยวชาวจีนทั้งในประเทศและต่างประเทศ หากเริ่มมีอาการและไปพบแพทย์ ก็มีโอกาสบริหารจัดการกับกลุ่มที่เข้าข่ายสงสัยได้
นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ (ซ้ายมือ)
รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงความรุนแรงของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาว่า อย่าไปจำเพาะกับผู้ป่วยเป็นรายๆ เพราะหากมีผู้ป่วยเสียชีวิตในเมืองไทยก็จะเกิดข่าวใหญ่โต เตือนไว้เลยว่าอย่าทำอย่างนั้น ไม่มีประโยชน์อะไร สิ่งที่สำคัญคือเสนอสถานการณ์ความรุนแรงของโรคในภาพรวม เพราะหากมีการแพร่ระบาดทั่วโลก และมีผู้ป่วยมาก ในเวลาต่อมาก็อาจมีผู้เสียชีวิตได้ ยกตัวอย่างแพทย์จีนอายุ 30 กว่าปีที่เสียชีวิต ซึ่งความเสี่ยงมี 2 ส่วน คือ ความเสี่ยงติดเชื้อ ซึ่งขึ้นอยู่กับผู้ติดเชื้อที่ไม่อยู่ในโรงพยาบาล และโอกาสเสียชีวิตจากอาการป่วย ซึ่งต้องดูจากสถิติ ไม่ใช่จำเพาะเป็นเคส
คนอายุน้อยมีโอกาสเสียชีวิต 1 ต่อ 1,000 คน เมื่อเทียบกับคนสูงอายุ หรือมีโรคประจำตัว ขอให้ดูภาพรวม อย่าดูเคสทีละเคสแล้วเผยแพร่ข่าวที่น่าตกใจ
สวมหน้ากากอนามัยลดความเสี่ยงติดโรค
นพ.ธนรักษ์ ยังกล่าวถึงความเสี่ยงการติดต่อโรคว่า การเดินสวนกันไปมามีโอกาสทำให้ติดโรคต่ำมาก นอกจากการอยู่ใกล้ชิดกัน หรือพูดคุยเป็นเวลานานพอสมควรในระยะ 1-2 เมตร ซึ่งหากคนที่มีอาการปกติใส่หน้ากากอนามัยก็จะช่วยลดความเสี่ยงได้ระดับหนึ่ง แต่คนที่ควรใส่หน้ากากอนามัยจริงๆ คือผู้ป่วย หรือผู้ที่มีความเสี่ยงสูง
ยืนมองหน้ากันเฉยๆ ก็ไม่ติดนะครับ ต้องพูดคุยกันประมาณ 5 นาที หรือมีปฏิสัมพันธ์กัน หรืออยู่ในสถานที่ปิดเป็นเวลานาน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข่าวดี! คนไทยจากอู่ฮั่น 138 คน "ปลอด" ไวรัสโคโรนา
ข่าวดี 138 คนไทยจากอู่ฮั่นกลับถึงไทยแล้ว กักกันโรค 14 วัน
ทร.ยืนยัน "ทะเลสัตหีบ" ปลอดภัย นักท่องเที่ยวเล่นน้ำได้ตามปกติ