Joaquin Phoenix โจ๊กเกอร์ผู้สั่นสะเทือนวงการฮอลลีวูด
ความกล้าหาญของ "วาคีน ฟีนิกซ์" ที่พูดเรื่องที่ไม่มีใครกล้าพูด ทั้งการขาดความหลากหลายทางเชื้อชาติของฮอลลีวูด, อภิสิทธิ์นักแสดงผิวขาว ที่นำมาสู่การเหยียดผิวอย่างเป็นระบบ และยอมรับว่าตัวเองก็เป็นส่วนหนึ่งของปัญหา
ขณะที่สุนทรพจน์บนเวทีลูกโลกทองคำเมื่อต้นปี ก็แตะเรื่องวิกฤตโลกร้อน และพาดพิงไลฟ์สไตล์คนดังกับการนั่งเครื่องบินเจ็ต ว่าพวกเขาควรต้องเสียสละความสบายเพื่อส่วนร่วมบ้าง จนโดนเซ็นเซอร์และเปิดสกอร์ไล่ลงจากเวที
ทั่วโลกจึงจับตาว่าถ้าหากตัวเต็งรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำชายรายนี้ ถูกขานชื่อในค่ำคืนการประกาศผลออสการ์ ครั้งที่ 92 ขึ้นมาจริงๆ เขาจะกล่าวสุนทรพจน์อะไรบ้างที่ทำให้ฮอลลีวูดสะอึก เว้นเสียแต่ว่าเขาจะพลาดรางวัลไปแบบช็อคโลก ซึ่งก็ดูจะเป็นไปได้ยาก เมื่อนักแสดงชายกวาดรางวัลมาแทบทุกสำนักในปีนี้ จากเวทีลูกโลกทองคำ, BAFTA Film Awards และ SAG Awards กับบทบาทในภาพยนตร์ Joker
เบื้องหลัง "สุนทรพจน์" ดาราอาจไม่ได้ร่างเอง
อีกตัวเต็งรางวัลออสการ์ อย่าง "แบรด พิตต์" ที่ได้เข้าชิงสาขานักแสดงสมทบชาย จาก Once Upon a Time …. in Hollywood ก็เป็นคนหนึ่งที่สื่อต่างๆ ลงความเห็นว่า มีลูกเล่นกล่าวสุนทรพจน์น่าจดจำ
ตรงกันข้ามกับ "วาคีน ฟินิกซ์" ที่ซัดประเด็นหนักๆ "แบรด พิตต์" กลับเลือกเล่นมุกตลกแพรวพราว แฝงเสน่ห์แบบหนุ่มใหญ่ ว่าจะอัพเดทภาพโปรไฟล์กับรางวัลในแอพหาคู่ หรือการหยอกล้อเพื่อนนักแสดงและผู้กำกับจากภาพยนตร์ที่เข้าชิงรางวัลด้วยกัน
เพราะอะไรสุนทรพจน์ของเขาถึงออกมาดูดี เรื่องนี้สำนักข่าวบันเทิง Vulture ตั้งข้อสังเกตว่า "แบรด พิตต์" "อาจ" มีทีมเบื้องหลังช่วยร่างสุนทรพจน์ โดยแหล่งข่าวผู้ไม่ประสงค์ออกนามจากเอเจนซี่ด้านการสื่อสาร เล่าว่าเป็นเรื่องปกติที่ดาราจะว่าจ้างนักร่างสุนทรพจน์มืออาชีพ ในพิธีสำคัญอย่างการรับรางวัลทางการแสดง เพราะถ้าหากพูดสปีชได้ดูดีกินใจ ขณะเดียวกันก็ต้องดูเป็นธรรมชาติ เหมือนไม่ได้เตรียมตัวมา ก็ช่วยส่งเสริมให้ภาพลักษณ์คู่ควรกับรางวัลที่ได้รับ
โดยหนึ่งในบริษัทด้านการสื่อสารที่ดาราฮอลลีวูดไว้ใจ ได้แก่ Fenway Strategies ที่ก่อตั้งโดย Jon Favreau และ Tommy Vietor ทีมบริหารประจำตัวอดีตประธานาธิบดีสหรัฐ "บารัค โอบาม่า" ซึ่งพวกเขาเปิดเผยได้เพียงแค่ว่า มีผู้ว่าจ้างร่างสุนทรพจน์งานสำคัญเป็นคนดังระดับเอลิสต์มากมาย ทั้งในวงการภาพยนตร์ และโทรทัศน์ ซึ่งถ้าพูดชื่อออกไป ทุกคนย่อมรู้จักแน่นอน
ออสการ์ ไม่ควรยุ่งการเมือง?
แม้มีการถกเถียงว่า เวทีรางวัลด้านภาพยนตร์ไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับการเมืองมากเกินไป และผู้ชมต้องการเสพความบันเทิง มากกว่าการนั่งดูดาราพูดประเด็นหนักๆ แต่ก็มีตัวเลขยืนยันว่า เมื่อดาราใช้เวทีสื่อสารประเด็นทางการเมือง ก็เป็นที่สนใจของคนดูจริงๆ และเพิ่มการมีส่วนร่วมได้ เช่น สุนทรพจน์เรื่องสิ่งแวดล้อมของ Leonardo DiCaprio เมื่อปี 2016 ที่เขาคว้าออสการ์ตัวแรกในชีวิต จุดประกายให้ชาวทวิตภพ หรือผู้ใช้ทวิตเตอร์ พูดคุยเรื่องภาวะโลกร้อนมากถึงร้อยละ 636
ซึ่งออสการ์ปีนี้ ตัวเต็งคว้ารางวัลที่น่าจะมาพร้อมสุนทรพจน์แซ่บๆ มีทั้ง Laura Dern ที่ได้เข้าชิงในสาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์เรื่อง Marriage Story ซึ่งเธอทำงานรณรงค์ด้านสิทธิสตรี และสนับสนุนเรื่องค่าจ้างเท่าเทียมในวงการภาพยนตร์
รวมถึง "บองจุนโฮ" ผู้กำกับชาวเกาหลีใต้ กับผลงานหนังเรื่อง Parasite ที่ได้เข้าชิงออสการ์ 6 สาขา รวมถึงสาขาใหญ่อย่างภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ซึ่งครั้งหนึ่งเขาเคยฝากคำพูดเจ็บๆ ไว้บนเวทีลูกโลกทองคำ กับการขึ้นรับรางวัลภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม ว่า "ถ้าหากวงการหนังอเมริกันก้าวข้ามกำแพงเรื่องภาษาเพียง 1% ไปได้ พวกเขาจะพบหนังดีๆ บนโลกนี้อีกมากมาย"