วันนี้ (19 ก.พ.2563) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สายการบินตรงจากประเทศจีน ฮ่องกง และมาเก๊า ตามปกติจะทำการบินเข้าและออกที่ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต ประมาณ 40-50 เที่ยวบินต่อวัน และมีนักท่องเที่ยวเดินทางมายัง จ.ภูเก็ต มากถึง 7,000-8,000 คนต่อวัน แต่หลังการระบาดของเชื้อ COVID-19 ทำให้ขณะนี้เหลือเที่ยวบินเพียง 10 เที่ยวบิน และมีผู้โดยสารประมาณ 1,000 คนที่ยังเดินทางมาที่ จ.ภูเก็ต ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการท่องเที่ยว
การขยายพื้นที่เสี่ยงที่ต้องมีการเฝ้าระวังไวรัส COVID-19 เพิ่มเติมกับประเทศกัมพูชา และสิงคโปร์ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเพิ่มการคัดกรองผู้โดยสารประมาณ 150 คนที่มากับสายการบินตรงจากกัมพูชามายังท่าอากาศนานาชาติภูเก็ต เช่นเดียวกับประเทศที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง ที่ทางท่าอากาศได้จัดหลุมจอดเฉพาะ เพื่อควบคุมให้ผู้โดยสารที่มากับเที่ยวบินต่างๆ ต้องผ่านการคัดกรองอย่างเข้มข้น
การเพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดจุดที่ประชาชนสัมผัสร่วม เช่น ราวบันได ลูกบิดประตู ลิฟท์ เเละห้องน้ำ ของท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต เป็นความพยายามสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการ ประมาณ 40,000 คนต่อวัน และรณรงค์ให้นักท่องเที่ยวสวมหน้ากากอนามัย
นายวัชรพงศ์ คูวิจิตรสุวรรณ เลขานุการ รมว.สาธารณสุข ระบุว่า นักท่องเที่ยวค่อนข้างตื่นตัวและทำความเข้าใจกับแนวทางการป้องกันเชื้อไวรัสของรัฐบาลไทย แม้ยังไม่ติดเชื้อหรือเป็นผู้ป่วย ก็จะมีการใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกัน
ทั้งนี้ ความเชื่อมั่นที่หายไป หรือมาตรการเข้มงวดในการเดินทางออกนอกประเทศของบางประเทศ ทำให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวบริเวณหาดป่าตองหายไปจำนวนมาก สถานประกอบการหลายแห่งแทบจะไม่มีลูกค้าและรายได้ลดลงเกือบครึ่ง โดยเฉพาะผู้ประกอบการร้านอาหารและโรงแรมที่พักต่างๆ
ผู้ประกอบการในพื้นที่จึงพร้อมใจเข้าร่วมโครงการโรงเเรมสะอาด ปราศจากเชื้อโรค อาหารปลอดภัย โดยเน้น 3 เเนวทางคือ clean bed, clean air เเละ clean food หมายถึง การทำที่พักสะอาดไร้ฝุ่น เเมลง การปรับปรุงให้อากาศในห้องพักหรือภายในโรงแรมต่างๆ สะอาด รวมถึงจำหน่ายอาหารที่สะอาดปราศจากเชื้อโรคแก่นักท่องเที่ยว เพื่อป้องกันเชื้อ COVID-19 รวมถึงเชื้อโรคที่อาจจะอุบัติใหม่ในอนาคต
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ห้ามคนผ่าน "ไทย-สิงคโปร์-ฮ่องกง-มาเก๊า" ใน 14 วัน เข้าอิสราเอล
สธ.ยืนยัน ไม่ปิดบังจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 ในไทย