วันนี้ (2 มี.ค.2563) นายประเสริฐ บุญเรือง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และโฆษกกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เห็นว่า จากสภาพการในปัจจุบัน ผู้ติดเชื้อไวรัส COVID -19 ในประเทศเริ่มมีความรุนแรงมากขึ้น ถึงแม้ว่า ศธ.จะยังไม่พบผู้ป่วย แต่เพื่อเป็นการป้องกันและลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้โดยในช่วงวันหยุดที่ผ่านมา (วันเสาร์ที่ 29 ก.พ.2563 และอาทิตย์ที่ 1 มี.ค.2563) สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (สป.ศธ.) จึงได้ดำเนินการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อภายในและภายนอกอาคาร สำนักงาน พร้อมทั้งเช็ดทำความสะอาดพื้น ผนัง อุปกรณ์สำนักงานต่าง ๆ ทุกพื้นที่ในบริเวณ ศธ.เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดไวรัส COVID-19
นอกจากนี้ ยังได้ให้บริการเจลล้างมือประจำหน่วยงาน เช่น โรงอาหาร เพื่อให้บริการแก่ผู้มาติดต่อราชการไว้ด้วยแล้ว นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า ศธ.ยังได้ยกระดับมาตรการควบคุมและป้องกันโรคติดเชื้อ COVID-19 ร่วมกับหน่วยงานในสังกัด ดังนี้ สำนักงานลูกเสือแห่งชาติ (สลช.) ได้มีหนังสือขอความร่วมมือ หน่วยงานในสังกัด ศธ.แจ้งสถานศึกษาในสังกัดให้ชะลอการนำนักเรียน นักศึกษา เข้าค่ายพักแรม ลูกเสือไว้ก่อนจนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ
ด้านสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (สป.) ยังได้มีหนังสือแจ้งขอความร่วมมือไปยังศึกษาธิการจังหวัดทั่วประเทศ ชะลอการจัดกิจกรรมลูกเสือหรือยุวกาชาดที่มีลักษณะเป็นการอยู่ร่วมกันของกลุ่มคนจำนวนมาก เช่น การฝึกอบรม การอยู่ค่ายพักแรม เป็นต้น
นายประเสริฐ ย้ำว่า ขณะเดียวกันสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ยังได้มีหนังสือแจ้งให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทุกเขต แจ้งโรงเรียนในสังกัดเฝ้าระวังและป้องกัน การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID -19 ตามมาตรการควบคุมและป้องกันที่ออกไปก่อนหน้า นี้ โดยการขอให้สถานศึกษาติตตามสถานการณ์ ข่าวสารการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 จากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข อย่างใกล้ชิด พร้อมแจ้งแนวทางการขออนุญาตไปราชการยังประเทศหรือเขตการปกครองที่เสี่ยงต่อโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ให้บุคลากรและ โรงเรียนในสังกัดปฏิบัติตาม
เกาะติดสถานการณ์ไวรัส COVID-19 : https://news.thaipbs.or.th/focus/Coronavirus2019
กรณีที่โรงเรียนดำเนินการสอบปลายภาคเสร็จสิ้นแล้ว ให้สถานศึกษาประกาศปิดภาคเรียน และไม่ควรดำเนินกิจกรรมอื่น ๆ ต่อไป ส่วนกรณีที่จะต้องรับผลการเรียน ขอให้ติดต่อเป็นรายกรณี หรือใช้สื่อเทคโนโลยีในการประสานงานอีกทั้งให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประสานงาน หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมควบคุมโรคประจำจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในการขอความอนุเคราะห์ให้เข้าทำความสะอาด ฆ่าเชื้อไวรัสCOVID-19 ด้านสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาในพื้นที่กรุงเทพฯขอให้ประสานงานกับหน่วยงาน กรุงเทพมหานคร
ส่วนสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ได้เข้มงวดและดูแล สถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งมีหนังสือมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ถึงผู้รับใบอนุญาตโรงเรียนเอกชน เพื่อเป็นการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาด โดย กำชับโรงเรียนถือปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด
ด้านสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) นายณฏัฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระะทรวงศึกษาธิการ มีความห่วงใยในสุขภาพของประชาชน นักเรียน นักศึกษา จึงมอบหมายให้ สอศ.ดำเนินการผลิตหน้ากากป้องกันฝุ่นละออง PM 2.5 และเชื้อไวรัส COVID-19 และได้กระจายภารกิจให้แก่สถานศึกษาในภูมิภาคต่าง ๆ ทั้ง 5 ภูมิภาค ภาคละ 10,000 ชิ้น รวมทั้งสิ้น 50,000 ชิ้นเบื้องต้น ซึ่งรมว.ศึกษาธิการ พร้อมด้วยเลขาธิการ กพฐ.ได้นำหน้ากากอนามัยดังกล่าว ไปแจกให้นักเรียนที่เข้าสอบ O-Net เมื่อวันที่ 29 ก.พ.ที่ผ่านมาแล้ว “ด้วยมาตรการต่าง ๆ ดังกล่าวของ ศธ.ในการยกระดับมาตรการควบคุมและป้องกันโรคติด เชื้อ COVID-19 โดยร่วมกับหน่วยงานในสังกัด และกระทรวงสาธารณสุขอย่างใกล้ชิด จึงเชื่อมั่นว่า จะช่วยเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 และขอให้หน่วยงาน สถานศึกษา และบุคลากรถือปฏิบัติเรื่องนี้อย่างเคร่งครัดต่อไป” นายประเสริฐ กล่าว