จับหลอกขายหน้ากากอนามัย เสียหายกว่าล้านบาท

วันนี้ (11 มี.ค.2563) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) จับตัวนายวัชรพงษ์ โยกาศ ผู้ต้องหาตามหมายจับ หลังพบเป็นคนเปิดเฟซบุ๊กอ้างว่าจำหน่ายหน้ากากอนามัยราคาโรงงานปลีก-ส่ง และอีกหลายเพจ เพื่อหลอกขายให้กับประชาชนทั่วไป แต่ไม่มีสินค้าให้จริง

เพิ่งเปิดเฟซบุ๊ก 2 วัน ผู้เสียหายหลงเชื่อกว่า 200 คน

พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผู้บังคับการ ปคบ.เปิดเผยว่า จากการสืบสวนพบว่าเพจเฟซบุ๊กดังกล่าวเพิ่งเปิดแค่ 2 วัน เสนอขายจำหน่ายหน้ากากอนามัย ราคากล่องละ 550 บาท จำกัดคนละ 6 กล่อง มีผู้เสียหายหลงเชื่อไปแล้วกว่า 200 คน เพื่อติดต่อซื้อหน้ากากอนามัยจากเพจดังกล่าว แต่เมื่อผู้เสียหายโอนเงินไปแล้วก็ไม่สามารถติดต่อกับผู้ขายได้

 

 

ตำรวจได้ขยายผลจากการจับผู้ต้องหาคนก่อนหน้านี้ คือ นายวัชรวิทย์ สุภาษิต ที่มีเงินโอนไปถึงผู้ต้องหาที่เปิดเพจหลอกขายหน้ากากกว่า 830,000 บาท จึงขอศาลออหมายจับผู้ต้องหาและสามารถจับได้ย่านราชเทวี จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหายังพบว่าเคยถูกออกหมายจับมาแล้ว 4 หมายในข้อหาฉ้อโกงและยักยอกทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ส่วนครั้งนี้ถูกแจ้งข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันทุจริตโดยหลอกลวง และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

เล็งนำหน้ากากอนามัยที่ยึดได้ 1.4 แสนชิ้นไปบริจาค

 

ผู้บังคับการ ปคบ.กล่าวอีกว่า ผู้ต้องหาอาศัยจังหวะที่ประชาชนต้องการใช้หน้ากากอนามัยจำนวนมากหลอกลวงประชาชน ซึ่งตั้งแต่ปลายเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา มีการจับผู้ต้องหาที่ลักลอบจำหน่ายหน้ากากอนามัยราคาสูงกว่าความเป็นจริงไปแล้ว 71 คน ยึดของกลางได้กว่า 140,000 ชิ้น ซึ่งขณะนี้เตรียมนำของกลางเหล่านี้ไปบริจาคตามสถานที่ขาดแคลน

จับร้านขายยา จ.นครสวรรค์ ขายหน้ากากอนามัยแพง

 

ขณะที่เจ้าหน้าที่สำนักงานพาณิชย์ จ.นครสวรรค์ ร่วมกับเจ้าหน้าที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) พร้อมตำรวจภูธรเมืองนครสวรรค์ บุกตรวจร้านจำหน่ายยาและเวชภัณฑ์ในพื้นที่เทศบาลนครนครสวรรค์ หลังได้รับเบาะแสว่าร้านแห่งนี้ลักลอบขายหน้ากากอนามัยแพงเกินกฎหมายกำหนด หน้ากากอนามัยชนิดแผ่นสีฟ้า วางขาย 30 แพ็ค แพ็คละ 2 ชิ้น โดยขายในราคาแพ็คละ 49 บาท หรือชิ้นละ 24.50 บาท

 

เจ้าหน้าที่สำนักงานพาณิชย์ จ.นครสวรรค์ กล่าวว่า ส่งสายลับเข้าไปซื้อหน้ากากอนามัยที่ร้านดังกล่าว โดยทางร้านได้จำหน่ายในราคาแพ็คละ 49 บาท หลังจากนั้น จึงนำกำลังเข้าซื้ออีกครั้ง พร้อมดำเนินคดีตามกฎหมาย เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ยึดหน้ากากอนามัยจำนวนดังกล่าวไว้เป็นหลักฐาน พร้อมเชิญผู้ประกอบการไปสถานีตำรวจภูธรเมืองนครสวรรค์ เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีเกี่ยวกับการสร้างความปั่นป่วนในราคาขายให้สูงกว่าความเป็นจริง ตามมาตรา 29 ของ พ.ร.บ. ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการปี 2542 มีโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ