วันนี้ (2 เม.ย.2563) นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ตามที่นายกรัฐมนตรีประกาศเคอร์ฟิว โดยใช้อำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ห้ามประชาชนที่ไม่มีกิจจำเป็น ออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 22.00-04:00 น. มีผลตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย. เบื้องต้นได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานด้านขนส่งสาธารณะปรับแผนการให้บริการ เพื่อให้สอดคล้องกับคำสั่งดังกล่าว โดยให้ปิดบริการตั้งเวลา 21.30-04.00 น. เริ่มตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป
นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า รฟม.ในฐานะที่กำกับดูแลการให้บริการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินและสายสีม่วง จะเร่งหารือกับกรมการขนส่งทางราง เพื่อกำหนดเวลาปิดให้บริการให้สอดคล้องกับการประกาศเคอร์ฟิวดังกล่าว
การปิดให้บริการในเวลา 21.30 น. เป็นเวลาที่เหมาะสม เพื่อเผื่อเวลาให้ประชาชนเดินทางจากสถานีกลับเคหสถานได้ทันตามเวลาเคอร์ฟิว รวมทั้งรถไฟฟ้าทุกระบบจะต้องปิดทำการในเวลาเดียวกัน เพื่อให้รูปแบบบริการสอดคล้องกันทั้งระบบ ส่วนเวลาเปิดให้บริการ ในส่วนของรฟม . การประกาศเคอร์ฟิวถึงเวลา 04.00 ไม่มีผลกระทบแต่อย่างใด
ด้านนายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส เวลาปิดให้บริการ 21.30 น. น่าจะเป็นเวลาที่เหมาะสมในการปิดให้บริการ ที่จะสอดคล้องกับประกาศเคอร์ฟิว เวลา 22.00 น. ซึ่งขณะนี้ผู้บริหาร BTS อยู่ระหว่างการหารือถึงแนวทางปฏิบัติ และจะหารือร่วมกับกรมการขนส่งทางรางอีกครั้ง
นายสุเทพ พันธุ์เพ็ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด หรือผู้ให้บริการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ เปิดเผยว่า ประกาศดังกล่าวจะทำให้รถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ จะปรับเวลาในการให้บริการโดยในช่วงเช้าจะให้บริการในเวลาเดิมคือ ขบวนแรกเวลา 05.30 น. และขบวนสุดท้ายจะให้บริการ ปลายทางทั้งจากสถานีพญาไทและสถานีสุวรรณภูมิในเวลา 21.30 น. โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาทีในการเดินทางกลับที่พัก
ปัจจุบันการเปิดให้บริการของรถไฟฟ้าแต่ละระบบ รถไฟฟ้าเอ็มอาร์ทีสายสีน้ำเงิน และสายสีม่วง ให้บริการตั้งแต่ 06.00-24.00 น. เช่นเดียวกับรถไฟฟ้าบีทีเอส เปิดให้บริการ 06.00-24.00 น. ส่วนรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ เปิดให้บริการตั้งแต่ 05.30-24.00 น.
นายวรวุฒิ มาลา รักษาการผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) กล่าวว่า รฟท. จะงดให้บริการเดินรถในเส้นทางสายยาว ที่จะต้องออกจากสถานีต้นทาง ทุกสถานีที่มีการเดินรถในช่วงเวลา 13.00 น.เป็นต้นไป เนื่องจากจะการเดินทางระหว่างทางจะคาบเกี่ยวประกาศห้ามเดินทาง ซึ่งจะทำให้เส้นทางบริการเดินรถสายยาว ของ รฟท. จำนวนกว่า 30 เส้นทาง ต้องหยุดให้บริการไปโดยปริยาย จากเดิมที่ รฟท. หยุดให้บริการรถไฟในสายยาวไปแล้วกว่า 22 เส้นทาง ส่วนรถไฟสายสั้นนั้นยังไม่ได้รับผลกระทบ
ขณะที่นายสุรชัย เอี่ยมวชิรสกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.)เปิดเผยว่า หลังจากประกาศเคอร์ฟิวดังกล่าว จำเป็นที่จะต้องปรับเวลาในการเดินรถ โดยในช่วงเช้าจะออกรถได้เวลา 04.00 น. เหมือนเดิมแต่ว่าในช่วงเที่ยวขากลับรถเมล์ขสมก.ทุกคัน จำเป็นที่จะต้องถึงอู่ก่อนในเวลา 21.00 น. แต่ทั้งนี้จะขึ้นอยู่ตามสภาพของการจราจร
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีจำนวนผู้โดยสารเหลือที่ใช้บริการเพียงร้อยละ 40 เท่านั้น ส่วนมาตรการระยะห่างยืนยันว่ายังมีการดำเนินการอยู่แต่ภาพที่ปรากฏบนสื่อสังคมออนไลน์และมีการวิพากษ์วิจารณ์กันนั้น เป็นเพียงแค่ผู้โดยสารบางส่วน ทั้งนี้ได้กำชับให้พนักงานขสมก. เข้มงวดกับมาตรการดังกล่าวแล้ว