วันนี้ ( 7 เม.ย. 2563) พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานการประชุมศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก (ศปก.ทบ.) โดยได้ขอบคุณทุกหน่วยที่ร่วมในการปฏิบัติงานยับยั้ง COVID-19 ที่ได้ปฏิบัติตามที่สั่งการ ส่วนการตั้งชุดตรวจ ,สายตรวจ ให้กรมยุทธศึกษาทหารบก ได้จัดทำข้อแนะนำในการปฏิบัติ และให้กำลังพลนำติดตัว โดยใส่ในกระเป๋าไว้ทุกคน
ทั้งนี้ให้หัวหน้าชุดทำการชี้แจงกำลังพลก่อนออกปฏิบัติ ในขณะที่การตั้งจุดตรวจโรค COVID-19 ขอให้มีการบูรณาการในการใช้สารวัตรทหารในการช่วยเหลือ โดยการแต่งตั้งเป็นเจ้าพนักงานช่วยเหลือ โดยให้ทำการฝึกอบรมก่อนออกปฏิบัติงาน สำหรับกองกำลังชายแดนที่มีการตั้งด่านอยู่แล้วให้ใช้กำลังพลที่บรรจุอยู่แล้ว ส่วนการตั้งด่านตรวจโรคโควิด-19 ขอให้ใช้กำลังในแถวที่ 2 คือใช้กำลังพลในส่วนสนับสนุนการรบใน อัตราส่วน 2:1 คือกำลังพลนายทหาร,นายสิบ 2 ส่วน พลทหาร 1 ส่วน
นอกจากนี้ขอให้กองทัพภาคที่1ส่งรายชื่อกำลังพล เหล่าแพทย์ ที่มีอายุไม่เกิน 50 ปี เพื่อเตรียมพร้อมในการปฏิบัติหากได้รับการร้องขอในการสนับสนุนจากกระทรวงสาธารณสุข(สธ.)ส่วน การฝึกร่วมกับมิตรประเทศ ปิดการฝึกแล้ว ขอให้หน่วยที่ร่วมการฝึกดำเนินการตรวจเช็คอาวุธกระสุนให้เรียบร้อย อย่าให้มีกระสุนหลุดออกไป
ผบ.ทบ.ยังประชุมผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอเร้นซ์กับผู้บังคับหน่วยทั่วประเทศ โดยได้ให้ความสำคัญกับบทบาทหน้าที่ของกองทัพบกที่จะต้องดำรงภารกิจในการป้องกันประเทศควบคู่ไปกับการต่อสู้กับภัยคุกคามที่เป็นโรคระบาดอยู่ในขณะนี้ โดยเฉพาะการจัดกำลังปฏิบัติหน้าที่เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ในช่วงประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ
เพื่อสนับสนุนรัฐบาลและศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคงในทุกภารกิจ
ซึ่งต้องดำเนินการอย่างเต็มที่ จึงจำเป็นที่ทุกหน่วยจะต้องให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการกำลังพล โดยผู้บัญชาการทหารบกย้ำให้กองทัพภาคบูรณาการกำลังพลจากทุกหน่วยทหารในพื้นที่ ทุกสายงาน ทุกระดับชั้นยศ และเพศ เข้ามามีส่วนร่วมในการปฏิบัติงานในสถานการณ์ COVID-19 และจัดการฝึกอบรมบุคลากรให้มีความรู้ ความเข้าใจ มีข้อมูลที่ทันต่อสถานการณ์โรคระบาด สามารถให้คำแนะนำประชาชนและปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ที่ด่านตรวจ ด่านคัดกรอง และการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่เฝ้าระวังและสังเกตอาการของรัฐ (State Quarantine)
ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย.63 กองทัพบกได้สนับสนุนกำลังพลจากทุกกองทัพภาคจำนวน 1,460 นาย ในการตั้งจุดตรวจร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายปกครอง จำนวน 307 จุดตรวจ ทั่วประเทศ พร้อมทั้งจัดชุดสายตรวจ จำนวน 1,174 นาย ออกปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ต่างๆ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด COVID-19 ตามมาตรการของรัฐบาล นอกจากนี้ ตั้งแต่วันที่ 4 เม.ย.63 จนถึงปัจจุบัน
กองทัพบกได้จัดชุดคัดกรองและชุดปฐมพยาบาลจากกองพันเสนารักษ์ที่ 1 กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ และชุดรักษาความปลอดภัยพื้นที่จากกองพันทหารสารวัตรที่ 12 เพื่อดูแลคนไทย จำนวน 124 คน ที่กลับมาจากต่างประเทศและต้องเข้ารับการควบคุมการเฝ้าระวังและสังเกตอาการของรัฐ ที่โรงแรมเดอะภัทรา กทม. รวมทั้งได้รับมอบหมายให้เตรียมชุดแพทย์และชุดรักษาความปลอดภัยสนับสนุนภารกิจการจัดทำพื้นที่ควบคุมแห่งรัฐอีก 2 แห่ง
ในตอนท้ายของการประชุมผู้บัญชาการทหารบก ได้ให้ข้อคิดกับกำลังพลว่าในสถานการณ์ประเทศไทยในขณะนี้ ประชาชนต้องเผชิญกับผลกระทบจากโรคระบาด ได้รับความเดือดร้อนทั้งเรื่องรายได้ สถานภาพการทำงาน การดำรงชีวิตประจำวัน ในฐานะที่เป็นข้าราชการ เป็นโอกาสอันดีที่กำลังพลทุกคนจะได้เสียสละ ออกมามีส่วนร่วมในการดูแลช่วยเหลือประชาชน ผ่านการปฏิบัติงานในทุกหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการคลี่คลายสถานการณ์ COVID-19 ขอให้กำลังพลรักษาวินัยอย่างเคร่งครัดและทุ่มเทปฏิบัติงานอย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อให้ประเทศพ้นวิกฤตในครั้งนี้ไปได้โดยเร็ว