"สิงคโปร์" ให้ออกจากบ้านครอบครัวละ 1 คน - ปิดหอพักแรงงานข้ามชาติ

สังคม
25 เม.ย. 63
16:20
2,382
Logo Thai PBS
"สิงคโปร์" ให้ออกจากบ้านครอบครัวละ 1 คน - ปิดหอพักแรงงานข้ามชาติ
สิงคโปร์ ใช้มาตรการให้ออกจากบ้านครอบครัวละ 1 คน และให้ปิดหอพักแรงงานข้ามชาติเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19

สถานการณ์การแพร่ระบาดระลอกใหม่ที่ประเทศสิงคโปร์จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมากกว่าวันละ 1,000 คนติดต่อกันเป็นวันที่ 6 นับ ตั้งแต่วันที่ 18 - 25 เม.ย.2563มีจำนวนผู้ติดเชื้อยืนยันสะสมเพิ่มขึ้นกว่า 6,000 คน เรียกได้ว่าเพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัว ส่งผลให้ขณะนี้สิงคโปร์มีจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ สะสมรวม 12,075 คน ซึ่งเป็นจำนวนสูงที่สุดในภูมิภาคอาเซียนแซงหน้าประเทศอินโดนีเซีย

 

ปิดหอพักแรงงานข้ามชาติคุมไวรัสระบาด

สรัลพร จันทรัตน์ คนไทยที่ทำงานอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์สะท้อนถึงปัจจัยที่ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วว่า ช่วงที่สิงคโปร์เริ่ม CircuitBreaker หรือ มาตรการตัดวงจรการระบาดไวรัส COVID-19 แต่ภาคอุตสาหกรรมการก่อสร้างยังเป็น 1 ใน Essential Service หรือ การประกอบการที่มีความจำเป็นต่อสังคมสิงคโปร์ ซึ่งผู้ที่ทำงานก่อสร้างจะมาจากเอเชียทางใต้เป็นส่วนใหญ่ เมื่อออกไปทำงานอาจจะทำให้มีการพบปะและทำให้ติดเชื้อมาได้ง่ายขึ้น จากนนั้นเมื่อมีแรงงานก่อสร้างติดเชื้อแล้วกลับไปที่หอพัก ก็ได้มีการกระจายเชื้อไปสู่ผู้แรงงานในหอพัก ซึ่งในสิงคโปร์มีแรงงานก่อสร้างอยู่ประมาณ 310,000 คน แต่ละหอ มีแรงงานอาศัยอยู่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่นซึ่งแต่ละห้องมีแรงงานพักอยู่ตั้งแต่ประมาณ 10-20 คน ใช้ห้องครัวทำอาหารทานข้าวรวมกัน ใช้ห้องน้ำร่วมกันจึงทำให้เชื้อแพร่กระจายออกไปได้อย่างรวดเร็วในระยะเวลาอันสั้น

 

สัดส่วนของแรงงานข้ามชาติก่อสร้างที่มาจากเอเชียทางตอนใต้ 80-90% ของผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นในแต่ละวันขณะที่เคสของคนท้องถิ่นที่ติดกันเองตอนนี้ลดน้อยลงเรื่อยๆ จนเหลือเป็นเลข 2 หลักเท่านั้น ทำให้รัฐบาลสิงคโปร์รับมือกับสถานการณ์โดยเร่งด่วนมีการสั่งปิดพื้นที่(Lockdown) หอพักของแรงงานต่างชาติ ไม่ให้เข้าออก

มีการย้ายแรงงานบางกลุ่ม ออกไปอยู่ยังที่ที่รัฐบาลจัดไว้ เช่น ค่ายทหารหรืออาคารที่อยู่อาศัยที่ยังว่างอยู่โดยรัฐบาลสิงคโปร์ได้ส่งทีมแพทย์เข้าไปตรวจหาผู้ติดเชื้อ เพื่อที่จะได้แยกคนที่แข็งแรงออกมาจากผู้ป่วยให้เร็วที่สุด

นอกจากนี้ นาย ลี เซียนลุง นายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ได้ออกมาประกาศขยายระยะเวลาของ Circuit Breaker หรือ มาตรการตัดวงจรการระบาดไวรัสCOVID-19 จากเดิมวันที่ 7 เม.ย. - 4พ.ค. เลื่อนไปอีก 4 สัปดาห์ คือ จนถึงวันที่ 1 มิ.ย.2563 โดยให้คนทำงานจากที่บ้าน (Workfrom Home) เด็กนักเรียนเปลี่ยนมาเรียนออนไลน์แทนการไปโรงเรียนเปิดให้บริการตามปกติเฉพาะธุรกิจที่จำเป็น เช่น ธนาคาร ร้านขายยา ซูเปอร์มาร์เก็ตร้านอาหารให้เป็นรูปแบบซื้อกลับไปทานที่บ้าน ไม่อนุญาตให้ผู้ที่อยู่คนละบ้านไปมาหาสู่กันเพื่อเป็นการลดการพบกันของผู้คนและตัดวงจรการแพร่เชื้อ

สิงคโปร์คุมเข้มให้ออกจากบ้านครอบครัวละ 1 คน ต่อครั้ง

ล่าสุดตอนนี้สิงคโปร์ มีมาตรการที่เข้มงวดขึ้นมา คือมีการปิดร้านทำผม ปิดร้านที่ขายเฉพาะชานมไข่มุกและขนมเวลาจะออกจากบ้านให้ออกจากบ้านครั้งละ1 คนต่อครัวเรือน เมื่อจะไปจ่ายตลาดที่ตลาดสดมีการกำหนดให้สลับวันคู่กับวันคี่ถ้าเลขตัวสุดท้ายของบัตรประชาชนลงท้ายด้วยเลขคู่ ถึงจะสามารถเข้าไปจ่ายตลาดได้ในวันคู่แต่หากใครเลขตัวสุดท้ายของบัตรประชาชนลงท้ายด้วยเลขคี่ก็ต้องไปจ่ายตลาดในวันคี่เท่านั้น ซึ่งเป็นการจำกัดจำนวนคนที่เข้าไปซื้อของในตลาด

เป็นมาตรการล่าสุดที่ออกมาเพื่อที่จะลดการพบปะกัน และห้ามไปเจอเพื่อนบ้านนอกจากคนในบ้าน

สำหรับคนไทยที่ใช้ชีวิตอยู่ที่สิงคโปร์ก็จะมีอาชีพที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็น ทำงานออฟฟิศ กิจการร้านอาหาร ร้านนวด ไปจนถึง พนักงานต้อนรับบนสายการบิน หรือกรณีของสรัลพรซึ่งทำงานบริษัทด้านธุรกิจ IT ขณะนี้ได้ทำงานจากที่บ้านมาเป็นระยะเวลาเดือนกว่าแล้ว ขณะที่เพื่อนซึ่งประกอบอาชีพเป็นพนักงานต้อนรับบนสายการบิน ขณะนี้ไฟลท์บินลดลงมาก

 

อย่างไรก็ดีทราบว่าทางสายการบินยังคงจ่ายเงินเดือนพื้นฐานให้เช่นเดิมขณะที่ธุรกิจร้านอาหารยอดขายลดลงเหลือเพียง 10% จากยอดขายปกติขณะเดียวกันรัฐบาลสิงคโปร์มีการควบคุมข่าวเท็จ (Fake News) ผ่านโปรแกรมแชทหลักที่คนสิงคโปร์นิยมใช้คือWhatsApp เนื่องจากที่สิงคโปร์มีข่าวเท็จเกิดขึ้นต่อเนื่อง ทางรัฐบาลจึงมี Official Account ให้ประชาชนสามารถลงทะเบียนรับข่าวสารที่มาจากรัฐบาลโดยตรง

 

ขณะที่รัฐบาลมีการตั้ง Social Distancing Ambassador (ผู้ดูแลระยะห่างทางสังคม) เป็นกลุ่มคนที่มาจากหลากหลายอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นพนักงานจากสายการบิน พนักงานของการขนส่งทางบกสิงคโปร์ที่ทำหน้าที่คอยดูแลระยะห่างทางสังคม ซึ่งจะประจำอยู่ตามสถานที่ต่าง ๆ ที่มีคนจำนวนมากไม่ว่าจะเป็น รถไฟฟ้า ป้ายรถเมล์ ห้างสรรพสินค้า รวมไปถึงตลาดสดโดยที่คนกลุ่มนี้มีหน้าที่คอยตักเตือนและปรับเงินผู้ที่ละเมิดกฏต่างๆ เช่นไม่ใส่หน้ากากอนามัย, ทานอาหารในที่สาธารณะ, ไม่เว้นระยะห่างกับผู้อื่น ซึ่งปัจจุบันสิงคโปร์ได้ออกกฏให้ทุกคนต้องใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกจากบ้านถ้าฝ่าฝืนจะถูกปรับ 300 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือประมาณ 7,000 บาทไทย

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง