วันนี้((30 เม.ย.63) นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการกำหนดวันเปิดประชุมสภาสมัยสามัญ วันที่ 22 พ.ค. นี้นั้นว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคฯ จะได้มีการพูดคุยหารือถึงการปฏิบัติตนในการเข้าร่วมประชุมสภาในสมัยสามัญที่จะถึงนี้ โดยนายชินวรณ์ บุญยเกียรติได้มีการไปทำความเข้าใจกับวิปรัฐบาลในภาพรวม และจะได้นำกลับมารายงานต่อที่ประชุม ส.ส. ของพรรคฯ ต่อไป ทั้งนี้ ส.ส. ของพรรคฯ ก็พร้อมจะปฏิบัติตนตามกฎ ระเบียบที่สภาผู้แทนราษฎรได้วางมาตรการในการตรวจ คัดกรองไวรัสโควิด – 19 ก่อนเข้าร่วมประชุมสภาฯ
สำหรับการประชุมใหญ่สามัญของพรรคประชาธิปัตย์นั้น นายราเมศกล่าวว่า ตาม พรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมืองได้กำหนดให้พรรคการเมืองทุกพรรค จะต้องมีการจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปีภายในเดือนเมษายนของทุกปี ซึ่งในปีนี้ ต้องยอมรับความจริงว่ามีข้อติดขัด ข้อขัดข้องในเรื่องของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด
ดังนั้นพรรคฯ จึงได้มีการทำหนังสือแจ้งไปยังนายทะเบียนพรรคการเมือง ซึ่งลงวันที่ 16 เม.ย. 2563 โดยในหนังสือฉบับดังกล่าวได้แจ้งเหตุผลต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะที่เป็นนายทะเบียนพรรคการเมือง ว่าพรรคประชาธิปัตย์ได้แจ้งการจัดประชุมใหญ่สามัญฯ ไปก่อนหน้านี้แล้ว คือได้กำหนดไว้ในวันที่ 7 มี.ค. 2563 แต่ต่อมามีสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 พรรคฯ จึงได้ขอเลื่อนการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2563 ออกไปก่อน และได้มีการทำหนังสือแจ้งต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองทราบ
หากสถานการณ์ไวรัสโควิดคลี่คลายก็คาดการณ์ว่าจะมีการประชุมภายในเดือนเมษายน แต่ปรากฎว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดก็ยังไม่คลี่คลาย ประกอบกับกระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศโรคติดต่อไวรัสโคโรน่า 2019 เป็นโรคติดต่ออันตรายตาม พรบ. โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 และนายกรัฐมนตรี โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วราชอาณาจักร ตาม พรก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
ด้วยเหตุนี้พรรคประชาธิปัตย์ จึงไม่สามารถจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2563 ได้ ซึ่งถือว่าพรรคฯ ได้ปฏิบัติตามกฎหมาย และได้แจ้งนายทะเบียนพรรคการเมืองครบทุกกระบวนการแล้ว ต่อจากนี้รอให้สถานการณ์ไวรัสโควิดคลี่คลาย ก็จะได้มีการจัดประชุมใหญ่ฯ ต่อไป
