วันนี้ (8 พ.ค.2563) นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้ลงตรวจเยี่ยมคลังน้ำมันที่ จ.สมุทรสาคร เพื่อรับฟังการดำเนินงานของผู้ประกอบการด้านคลังน้ำมัน ซึ่งมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศซึ่งสถานการณ์ COVID-19 ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและกระทบหนัก จึงต้องการรับฟังปัญหาทุกภาคส่วนและเร่งแก้ทั้งระดับฐานรากจนไปถึงผู้ประกอบการทุกระดับ
นายสนธิรัตน์ ระบุว่า ในช่วงที่ยอดการใช้น้ำมันที่ปรับตัวลดลง กระทรวงพลังงานจะเร่งรัดการปรับลดเกรดน้ำมันบางชนิดลงให้เร็วขึ้น ซึ่งเป็นนโยบายเดิมที่เคยดำเนินการก่อนช่วงเกิดโรคระบาด COVID-19 เพราะหากสามารถลดเกรดน้ำมันบางชนิดลงได้จะช่วยลดจำนวนแทงค์ที่เก็บสำรองน้ำมันลง ก็จะช่วยลดภาระของสถานีบริการน้ำมันแต่ในส่วนของน้ำมันชีวภาพ เช่น ไบโอแก๊ส แก๊สโซฮอล จะยังไม่เปลี่ยนแปลงนโยบาย เพราะเป็นตัวช่วยภาคเกษตร เช่น ปาล์มน้ำมัน และเป็นไปตามแผนน้ำมันบนดินและลดการน้ำเข้าเป็นแผนระยะยาว
ทั้งนี้ ในสัปดาห์หน้ากระทรวงพลังงานจะหารือถึงแพคเกจแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจด้านพลังงาน จะเน้นการดูแลเศรษฐกิจจากฐานราก ส่วนงบประมาณจะแบ่งเป็น 2 ส่วน โดยในส่วนของงบประมาณเดิมของกระทรวงพลังงานที่มีอยู่แล้วจะปรับมาให้ตรงวัตถุประสงค์ และอีกส่วนจะต้องพิจารณาสามารถใช้งบประมาณจากเงินกู้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินได้หรือไม่ เพราะขณะนี้ทีมเศรษฐกิจกำลังจัดทำแพคเกจฟื้นฟูศรษฐกิจในภาพรวมอยู่ ซึ่งกระทรวงพลังงานจึงต้องจัดทำแผนงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปมีส่วนร่วม เช่น โรงไฟฟ้าชุมชน
ส่วนความคืบหน้าในโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน ยังเป็นไปตามแผน โดยในสัปดาห์หน้าคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน กกพ.จะประกาศเปิดรับสมัครประเภท Qick Win รอบแรก 100 เมกกะวัตต์ และคาดว่าภายในเดือนมิถุนายนจะอนุมัติโครงการ
คนไทยอยู่บ้าน ยอดใช้น้ำมันลดลง 35-55 ล้านลิตร
นายสินธุ์ ครองพาณิชย์ ประธานกรรมการบริหารบริษัท พี.เอส.พี. สเปเชียลตี้ส์ ผู้ประกอบการธุรกิจคลังน้ำมันและน้ำมันหล่อลื่น ระบุว่า ปัจจุบันบริษัทต้องลดกำลังการผลิตน้ำมันลงร้อยละ 30 ซึ่งเป็นไปตามการบริโภคน้ำมันที่ลดลงร้อยละ 20-30 เนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์ประเทศ ทำให้คนหยุดอยู่บ้าน งดการเดินทาง โดยเฉพาะยอดใช้น้ำมันเบนซินที่ลดลงมากกว่าน้ำมันดีเซล ส่งผลให้ยอดการใช้น้ำมันลดลงเหลือเดือนละ 195 ล้านลิตรจากเดิม 230-250 ล้านลิตร
ขณะที่การนำเข้าวัตถุดิบเพื่อผลิตน้ำมันหล่อลื่นเกิดความล่าช้า เพราะประเทศที่นำเข้าน้ำมปิดประเทศเช่นเดียวกัน ส่วนการส่งออกน้ำมันหล่อลื่นยังไม่สามารถส่งออกได้ เช่น อินโดนีเซีย อินเดีย ที่ปิดประเทศส่งผลให้เรือขนส่งน้ำมันลอยลำอยู่ประมาณหลายแสนลิตร คิดเป็นมูลค่า 200 ล้านบาท
อยากให้รัฐบาลช่วนเหลือด้านภาษีทถกด้านเพื่อช่วยสภาพคล่อง รวมทั้งพิจารณาลดภาษีน้ำมันหล่อลื่นที่จัดเก็บ 5.50 บามต่อลิตรเป็นการชั่วคราว