วันนี้ (14 พ.ค.2563)ผู้สื่อข่าวรายงานว่า องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย ออกแถลงการณ์ประณามเหตุการณ์กรณีเด็กนักเรียนหญิงอายุ 14 ปี และ 16 ปี ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.มุกดาหาร ถูกครูและศิษย์เก่าผู้ต้องสงสัยข่มขืนอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน
โดยระบุว่าเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นชี้ให้เห็นถึงความล้มเหลวในการปก ป้องคุ้มครองเด็ก และควรเป็นจุดเปลี่ยนให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องร่วมกันดำเนินการเพื่อปรับปรุงการคุ้มครองเด็กในโรงเรียนโดยด่วน ไม่ควรมีเด็กคนใดควรต้องเผชิญกับความรุนแรง ไม่ว่าในรูปแบบใด หรือสถานที่ใด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโรงเรียน ซึ่งควรเป็นสถานที่ปลอดภัยสำหรับเด็กทุกคน โรงเรียนต้องเป็นที่ ๆ เด็กรู้สึกปลอดภัยและมั่นคง และเป็นที่ ๆ พวกเขาจะสามารถเรียนรู้ เติบโต ตลอดจนพัฒนาทักษะและความมั่นใจในการเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่สมบูรณ์ต่อไปในอนาคต
หนึ่งในหน้าที่และจริยธรรมพื้นฐานที่สำคัญของสถาบันการศึกษา ครูและบุคลากรทางการศึกษา คือการปกป้องคุ้มครองเด็กนักเรียนทุกคน โดยครูและบุคลากรทางการศึกษาจะต้องเป็นผู้นำในการติดตาม เฝ้าระวัง และสังเกตสัญญาณที่บ่งชี้เหตุรุนแรง การล่วงละเมิด หรือการถูกละเลยทอดทิ้ง ตลอดจนรายงานเหตุการณ์ดังกล่าว
นอกจากนี้ครูยังมีหน้าที่ปกป้องนักเรียนจากอันตรายใดๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น รวมถึงอันตรายที่กระทำโดยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษาด้วยกันเอง
ยูนิเซฟชื่นชมกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงยุติธรรม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการติดตามกรณีนี้อย่างจริงจัง และเชื่อมั่นว่าการดำเนินการตามกระบวนการจะนำไปสู่การจัดการที่เหมาะสมกับกรณีการละเมิดเด็กอย่างรุนแรงเช่นนี้ โดยยูนิเซฟจะคอยติดตามความคืบหน้าของกรณีนี้อย่างต่อเนื่อง
การป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นถือเป็นบทบาทสำคัญของภาคการศึกษา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบและกลไกการคุ้มครองเด็กระดับชาติ กระทรวงศึกษาธิการ ควรพิจารณาทบทวนถึงประสิทธิภาพของมาตรการคุ้มครองเด็ก กลไกการเฝ้าระวัง และแนวทางการดูแลช่วยเหลือเมื่อเกิดเหตุรุนแรงในโรงเรียน การดำเนินการทบทวน ร่วมกับองค์กรทางวิชาชีพเช่นคุรุสภา จะนำไปสู่การพัฒนาจรรยาบรรณและข้อกำหนดเชิงพฤติกรรม (code of conduct) ของวิชาชีพครูและบุคลากรทางการศึกษา และสร้างความเชื่อมั่นว่าจะมีการปฏิบัติตามข้อกำหนดเชิงพฤติกรรมนั้น โดยมีบทลงโทษที่เหมาะสมเมื่อไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนด
อีกทั้งต้องจัดให้มีช่องทางการแจ้งเหตุอย่างเป็นความลับสำหรับนักเรียนและเจ้าหน้าที่ ซึ่งทุกคนควรรับทราบวิธีแจ้งเหตุตามกลไกนี้ โดยโรงเรียนควรกำหนดวิธีการส่งต่อให้กับหน่วยงานด้านสวัสดิการสังคมอย่างชัดเจน รวมทั้งอาจทำงานร่วมกับทีมสหวิชาชีพเพื่อจัดให้มีการให้คำปรึกษาและช่วยเหลือผู้เสียหายจากการถูกกระทำรุนแรงและการล่วงละเมิด
อ่านข่าวเพิ่ม สั่งออกราชการไว้ก่อน 5 ครู ถูกกล่าวหากระทำชำเรา นร.
ดูแลเด็กที่ตกเป็นผู้เสียหาย
กระทรวงศึกษาธิการ องค์กรครู โรงเรียน สถาบันฝึกหัดครู ต้องร่วมกันเร่งดำเนินการเพื่อป้องกันเหตุรุนแรงในโรงเรียน และต้องมุ่งมั่นในการสร้างโรงเรียนให้เป็นสถานที่แห่งความหวังและโอกาส ที่ซึ่งเด็ก ๆ จะสามารถเรียนรู้ได้อย่างปลอดภัย หลักสูตรการอบรมครูและการพัฒนาทางวิชาชีพควรต้องกำหนดให้ครูได้รับการอบรมอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่อง เกี่ยวกับสาเหตุของการใช้ความรุนแรงและการล่วงละเมิดในโรงเรียน แนวทางการป้องกัน แนวทางการส่งต่อและการให้ความช่วยเหลือเด็กที่ตกเป็นผู้เสียหาย และหลักจริยธรรมของวิชาชีพครู
แถลงการณ์ยังระบุว่า การดูแลเด็กที่ตกเป็นผู้เสียหาย สิ่งที่มีความสำคัญไม่แพ้การปฏิรูประบบคือ การช่วยให้เด็กที่ตกเป็นผู้เสียหายสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เอื้อหนุนให้พวกเขาสามารถพัฒนาศักยภาพของตนเองอย่างเต็มที่
การเผชิญความรุนแรงในวัยเด็กอาจส่งผลกระทบเชิงลบไปตลอดชีวิต ทั้งในด้านการศึกษา สุขภาพ และความเป็นอยู่ ซึ่งมีผลต่อพัฒนาการของเด็กด้านการเรียนรู้ อารมณ์ และสังคม และยังนำไปสู่ปัญหาการไม่ประสบความสำเร็จในการเรียน แต่หากได้รับการช่วยเหลือที่เหมาะสม เด็กๆ ที่เผชิญกับความรุนแรงจะสามารถฟื้นตัวและกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
เตรียมเรียกครู-ศิษย์เก่า รับทราบข้อหาเพิ่มคดีล่วงละเมิดทางเพศ
องค์กรเด็กฯ ร้อง รมว.ยุติธรรม ปม นร.ถูกล่วงละเมิดทางเพศ
ผบ.ตร.กำชับคดีครูกระทำชำเราลูกศิษย์ที่ จ.มุกดาหาร