วันนี้ (18 พ.ค. 63) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สายการบินเอมิเรตส์จะเปิดบริการทุกเส้นทางที่มีบริการบินไปกลับดูไบ วันที่ 21 พ.ค. 63 ประกอบด้วย ชิคาโก แฟรงค์เฟิร์ต ลอนดอน แมดริด มิลาน ปารีส โตรอนโต เมลเบิร์นและซิดนีย์
เอกสารข่าวของเอมิเรตส์ ย้ำว่า ผู้โดยสารทุกคนที่ได้รับอนุญาตให้เดินทางจะต้องปฏิบัติตาม กฏระเบียบการเข้าเมืองของแต่ละประเทศ และทุกคนที่เดินทางเข้าเมืองที่ดูไบจะต้องถูกกักตัวเพื่อสังเกตอาการเป็นเวลา 14 วัน
ผู้โดยสารทุกคนต้องเตรียมหน้ากากอนามัยและถุงมือติดตัวมาด้วย รวมทั้งต้องปฏิบัติตามกฏรักษาระยะห่างระหว่างบุคคลอย่างเคร่งครัด เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสที่ไม่จำเป็น ทุกเที่ยวบินของเอมิเรตส์งดบริการ นิตยสารและหนังสือพิมพ์
ซิดนีย์มอร์นิ่งเฮรัลด์ รายงานว่า เส้นทางบินดูไบ-ซิดนีย์ และดูไบ-เมลเบิร์น เปิดบริการสัปดาห์ละ 3 เที่ยวบิน
การประกาศเปิดเส้นทางบินออสเตรเลีย เกิดขึ้นหลังจากเอทิฮาด สายการบินคู่แข่งเปิดให้บริการเส้นทางเมลเบิร์น-ลอนดอน ผ่านอาบูดาบี ตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ที่ 15 พ.ค. 63 ขณะเดียวกันกาตาร์แอร์เวย์ สายการบินใหญ่ของโลกอีกบริษัทก็มีการประกาศเปิดเส้นทางบินใหม่ระหว่างโดฮา-บริสเบน ในวันที่ 20 พ.ค. 63
อย่างไรก็ตามแม้จะอนุญาตให้เปิดบริการเส้นทางบินเข้าออก แต่รัฐบาลออสเตรเลียยังคงมาตรการปิดประเทศ คือไม่อนุญาตให้คนต่างชาติเข้าประเทศ ยกเว้นชาวนิวซีแลนด์ ทั้งนี้ทุกคนต้องถูกกักตัวเพื่อสังเกตอาการที่โรงแรมเป็นเวลา 14 วัน
ความต้องการเดินทางเข้าออสเตรเลียเพิ่มมากขึ้นในช่วงนี้ เนื่องจากชาวออสเตรเลียในภายต่างประเทศต้องการเดินทางกลับออสเตรเลีย
ก่อนหน้านี้นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ได้หารือแนวทางการกระตุ้นเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ ด้วยการส่งเสริมให้พลเมืองทั้งสองประเทศเดินทางท่องเที่ยวระหว่างกันภายใต้ชื่อโครงการ Trans Tasman ซึ่งผู้นำทั้งสองมีความเห็นตรงกันว่า การส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศจะบรรลุเป้าหมาย หากมีการยกเลิกมาตรการกักกันตัวเพื่อสังเกตอาการ 14 วัน ทั้งนี้ทั้งออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ รอดูสถานการณ์ที่เหมาะสมก่อนเริ่มผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคระบาดเฉพาะผู้ถือพาสปอร์ต 2 ประเทศนี้