วันนี้ (18 พ.ค.2563) สหภาพการบินไทยได้ออกแถลงการณ์สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย เรื่อง จุดยืนของสหภาพแรงงานฯ ในเรื่องแผนฟื้นฟูกิจการของ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) โดยมีรายละเอียด ดังนี้
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอให้ คนร. และ ครม.พิจารณาจากการที่สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย ได้ติดตามความคืบหน้าในการดำเนินการเพื่อเสนอแผนฟื้นฟูกิจการบริษัทการบินไทยมาโดยตลอด
ทั้งนี้ ได้รับทราบข้อมูลล่าสุดของแผนฟื้นฟูฯ ที่กระทรวงคมนาคม ได้เสนอ คนร.พิจารณามี 2 ประเด็นหลัก คือ
1.เสนอให้บริษัทการบินไทย ใช้กระบวนการฟื้นฟูกิจการ ซึ่งบรรจุอยู่ในกฎหมายล้มละลายโดยผ่านกระบวนการศาลล้มละลายกลาง เป็นทางเลือกในการฟื้นฟูบริษัทฯ สหภาพแรงงาน รัฐวิสาหกิจการบินไทย เห็นด้วยกับข้อเสนอดังกล่าว และเชื่อมั่นว่าข้อเสนอของกระทรวงคมนาคม
ในประเด็นนี้ จะส่งผลดีกับบริษัทการบินไทยที่จะฟื้นฟูได้จริงและสามารถกลับมาดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและผลกำไรดีกว่าเดิม
2.ประเด็นที่กระทรวงคมนาคม เสนอให้กระทรวงการคลังลดสัดส่วนการถือครองหุ้นโดยกระทรวงการคลังลง 2% นั้น สหภาพฯ ขอแสดงจุดยืนคัดค้านตามข้อเสนอของกระทรวงคมนาคมในประเด็นนี้ ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้
2.1 บริษัทการบินไทยกำลังเข้าสู่แผนฟื้นฟูกิจการโดยกระบวนการทางศาล ดังนั้นการที่กระทรวงการคลังจะลดสัดส่วนการถือครองหุ้นของบริษัทฯ ในเวลานี้ อาจส่งผลให้เจ้าหนี้ยื่นคัดค้านการร้องขอต่อศาลในการขอฟื้นฟูกิจการ โดยอาศัยบทบัญญัติในกฎหมายล้มละลายได้ เนื่องจากการที่บริษัทสามารถออกหุ้นกู้ และหรือขอกู้งินจากสถาบันการเงิน ทั้งในและต่างประเทศ เจ้าหนี้และนักลงทุนมีความเชื่อมั่นในบริษัทฯได้ก็โดยอาศัยสถานะความเป็นรัฐวิสาหกิจของบริษัทฯ ดังนั้นการลดสัดส่วนหุ้นของกระทรวงการคลัง ในช่วงที่บริษัทฯ กำลังจะเข้าแผนฟื้นฟูฯ จึงเป็นการทำลายความเชื่อมั่นของบริษัทฯ ในสายตาของเจ้าหนี้และนักลงทุน
2.2 การลดสัดส่วนหุ้นของกระทรวงการคลังลงเหลือต่ำกว่า 50% จะส่งผลทำให้สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทยถูกยุบไปตามกฎหมาย (พ.ร.บ.แรงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ 2543) ซึ่งจะส่งผลทำให้พนักงานของบริษัทฯ ไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานในช่วงการดำเนินการตามแผนฟื้นฟูฯ ซึ่งในแผนฟื้นฟูฯ จะต้องมีการปรับลดพนักงาน ลด หรือยุบบางตำแหน่งงาน รวมถึงลดสิทธิประโยชน์และสวัสดิการอื่นๆ บางประการของพนักงาน
ดังนั้น การลดสัดส่วนหุ้นของกระทรวงการคลังในช่วงนี้ จึงอาจทำให้ถูกมองได้ว่ารัฐไม่มีความจริงใจในการสนับสนุนการคุ้มครองแรงงานตามวิถีทางของกฎหมายคุ้มครองแรงงาน และเลือกปฏิบัติในแนวทางที่ไม่คำนึงถึงสิทธิของลูกจ้างสหภาพ จึงไม่เห็นด้วยในการลดสัดส่วนการถือหุ้นของกระทรวงการคลังและจะคัดค้านจนถึงที่สุด