วันนี้ (21 พ.ค.2563) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผศ.มนตรี วิวาห์สุข อาจารย์ประจำสาขาวิชาไทยศึกษา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา และ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ร่วมกับสถาบันและหน่วยงาน 34 แห่งทั่วประเทศ โดยมีคณะนักวิจัยมากกว่า 70 รูป/คน เปิดเผยผลวิจัยการศึกษาผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 ที่มีต่อวัดทั่วประเทศ ผ่านการเก็บข้อมูลแบบสอบถามออนไลน์ ตั้งแต่ช่วงวันที่ 26 เม.ย.- 5 พ.ค.2563 พบว่า วัดส่วนใหญ่ในต่างจังหวัดยังขาดอุปกรณ์ป้องกัน เช่น เจลล้างมือ หน้ากากอนามัย และเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย รวมทั้งอาหารและเครื่องดื่ม เนื่องจากบางพื้นที่งดพระบิณฑบาตร และไม่มีศาสนิกชนเข้ามาทำบุญภายในวัด ขณะที่วัดบางแห่ง ที่อยู่ในพื้นที่ชายแดนยังขาดความรู้เรื่องการป้องกันโรค COVID-19
นอกจากนี้ยังอยากให้รัฐบาลผ่อนปรนให้สามารถจัดกิจกรรมทางศาสนาได้อย่างเหมาะสม โดยเฉพาะพื้นที่วัดที่ไม่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง เนื่องจากที่ผ่านมา พบว่าเจ้าอาวาสวัดต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่าย ค่าน้ำ ค่าไฟ ที่มาจากการรับเงินบริจาคของผู้ใจบุญหรือนักท่องเที่ยว ทำให้ตอนนี้เมื่อไม่มีคนเข้ามาทำบุญ วัดจึงขาดรายได้และปัจจัยอื่นๆ ที่สำคัญต่อการดำรงชีวิต
พระครูพิทักษ์ศิลปาคม เจ้าอาวาสวัดขนอน อ.โพธาราม จ.ราชบุรี กล่าวว่า วัดต้องปิดพิพิธภัณฑ์หนังใหญ่ และโรงแสดงหนังใหญ่ ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนรับรองจากยูเนสโก เป็นเวลากว่า 2 เดือนแล้ว โดยเป็นแหล่งต้อนรับคณะทัวร์นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ ซึ่งเป็นรายได้หลักของวัด เฉลี่ยเดือนละเกือบ 200,000 บาท แต่ทุกวันนี้เหลือเพียง 7,000 - 8,000 บาทเท่านั้น และขณะนี้ภาระค่าน้ำ ค่าไฟ จะอยู่ราวๆ เดือนละ 30,000 บาท ทำให้ต้องใช้ทุนเดิมที่เคยสะสมมาใช้จ่ายแทน
ขณะเดียวกันทีมวิจัยได้ร่างผลสรุปภาพรวมการวิจัยผลกระทบของวัดทั่วประเทศ ให้เสร็จภายในวันที่ 25 พ.ค.นี้ และเตรียมยื่นเสนอต่อนายกรัฐมนตรีและมหาเถรสมาคม เพื่อให้พิจารณาการช่วยเหลือและมาตรการผ่อนปรนต่อศาสนกิจของวัดในบางพื้นที่ภายในสิ้นเดือน พ.ค.นี้