กรณีเหตุการณ์ชาวบ้านใน อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี เข้าปิดล้อม 3 นายตำรวจชุดสืบสวน สังกัดตำรวจภูธรภาค 8 โดยอ้างว่าไม่พอใจที่กลุ่มบุคคลดังกล่าว เข้าไปดำเนินคดีกับชาวบ้านที่รับซื้อลูกหอยแครง แล้วเรียกรับเงิน 5 ล้านบาท เพื่อแลกกับการไม่ถูกดำเนินคดี
วันนี้ (21 พ.ค.2563) พล.ต.ท.จิรวัฒน์ ทิพยจันทร์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 กล่าวว่า ขณะนี้ได้มีคำสั่งให้ตำรวจทั้ง 3 นาย มาปฏิบัติราชการที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 จ.ภูเก็ต พร้อมตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว หากพบว่าเป็นไปตามที่มีการกล่าวอ้าง ก็จะมีความผิด โดยจะดำเนินคดีทางอาญาและวินัย
สำหรับการเข้าพื้นที่ของตำรวจทั้ง 3 นาย เป็นการเข้าไปปฏิบัติหน้าที่สืบสวนสอบสวนตามปกติทั่วไป ส่วนการไปจับกุมชาวประมงพื้นบ้านคนดังกล่าว เป็นการเข้มงวดกวดขันตามนโยบายของผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งกำหนดให้ชาวบ้าน สามารถจับหอยแครงได้ในระยะ 1,000 เมตรจากฝั่ง โดยใช้มือหรือตะแกรง แต่หากมีการใช้คราด ก็จะเป็นความผิด นอกจากนี้ ยังเป็นการลดโอกาสของคนกลางที่จะมากว้านซื้อลูกหอยไปขายให้กับผู้เลี้ยงหอยแครง
อ่านข่าวเพิ่ม สั่งสอบข้อเท็จจริง ตร.เรียกรับเงินชาวประมง จ.สุราษฎร์ธานี
สอบข้อเท็จจริงปมโยงกลุ่มอิทธิพล
ส่วนกรณีที่มีการอ้างว่า เป็นการเรียกรับเงินนั้น พล.ต.ท.จิรวัฒน์ กล่าวว่า ต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยขณะนี้ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว รวมกรณีที่มีการอ้างว่า ตำรวจทั้ง 3 นาย เกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพล จะมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงเช่นกัน
ต่อคำถามที่ว่า มีนายตำรวจระดับรองผู้การฯ เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง
สำหรับกรณีนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นวานนี้ (20 พ.ค.) โดยภาพเหตุการณ์ ชาวบ้านจำนวนมากได้ปิดล้อมรถยนต์ ที่บ้านบางสำโรง ต.ท่าทองใหม่ อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี เนื่องจากไม่พอใจ ตำรวจ 3 นาย ซึ่งอยู่ภายในรถคันดังกล่าว
นายอรุชา บินมูซา อายุ 46 ปี ชาวบ้าน ต.ท่าทองใหม่ กล่าวว่า ช่วงวันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมา กลุ่มคนดังกล่าวเข้ามาแล้วครั้งหนึ่ง โดยอ้างตัวเป็นตำรวจ เพื่อที่จะจับกุมตัวเอง เนื่องจากได้ไปรับซื้อหอยแครง จนต้องขอให้อดีตกำนันในพื้นที่ มาเจรจา โดยยืนยันว่า สามารถรับซื้อหอยแครงได้ ทำให้ไม่มีการจับกุม
แต่ปรากฏว่า เมื่อช่วยเย็นวานนี้ ตำรวจทั้ง 3 นาย ได้เข้ามาในพื้นที่อีก ซึ่งตัวเองพยายามบอกว่า หอยที่ได้มาถูกกฎหมาย แต่ตำรวจทั้งหมด ไม่ยอม และบอกว่า ให้นำเงินมาให้ 5 ล้านบาท เพื่อแลกกับการไม่ดำเนินคดี จึงมองว่าเป็นการกรรโชกทรัพย์