ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ศูนย์วิจัยกสิกรฯ คาดปีนี้ไทยสูญรายได้ภาคท่องเที่ยว 1.69 ล้านล้าน

เศรษฐกิจ
24 พ.ค. 63
16:03
943
Logo Thai PBS
ศูนย์วิจัยกสิกรฯ คาดปีนี้ไทยสูญรายได้ภาคท่องเที่ยว 1.69 ล้านล้าน
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดรายได้ท่องเที่ยวในช่วงที่เหลือของปี 2563 จะยังไม่พลิกกลับมาเป็นบวก โดยปีนี้การท่องเที่ยวในประเทศอาจสูญเสียไปราว 1.69 ล้านล้านบาท แนะผู้ประกอบการปรับตัวรับ New Normal ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น

วันนี้ (24 พ.ค.2563) ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธุรกิจท่องเที่ยวยังต้องพบโจทย์ท้าทายสูงภายใต้สภาวะ New Normal เพราะกว่าที่บรรยากาศจะกลับมาเอื้อต่อการเดินทางคงจะไม่เกิดขึ้นเร็ว ขณะที่มาตรการภาครัฐบางประการยังจำเป็นต้องคงไว้ อาทิ การควบคุมการเดินทางเข้าออกของนักท่องเที่ยวต่างชาติและไทย การบริหารจัดการสถานที่ท่องเที่ยวเพื่อลดความหนาแน่นของนักท่องเที่ยว เมื่อประกอบกับความกังวลต่อ COVID-19 และกำลังซื้อที่อ่อนแอของนักท่องเที่ยว

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ทิศทางการท่องเที่ยวในช่วงที่เหลือของปี 2563 จะยังไม่สามารถพลิกกลับมาเป็นบวก โดยรายได้ท่องเที่ยวทั้งจากตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติและคนไทยเที่ยวในประเทศอาจสูญเสียไปราว 1.69 ล้านล้านบาทในปี 2563 และแม้ในปี 2564 จะฟื้นตัว ก็คงจะยังไม่กลับไปสู่สถานการณ์ก่อน COVID-19 จึงเป็นช่วงที่ลำบากของธุรกิจในห่วงโซ่ของภาคการท่องเที่ยว


นอกจากความท้าทายด้านตลาดแล้ว ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวก็จำเป็นต้องปรับรูปแบบการให้บริการที่คำนึงถึงความปลอดภัยในทุกๆ จุดที่นักท่องเที่ยวไปใช้บริการ ทั้งระหว่างการเดินทาง การเข้าพักในโรงแรม/ที่พัก และการไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ส่งผลให้ทั้งสายการบิน ผู้ให้บริการรถทัวร์ รถโดยสารสาธารณะ บริการนำเที่ยว และโรงแรม/ที่พัก คงต้องมีการจำกัดจำนวนผู้ใช้บริการ

พร้อมกับการบริหารจัดการพื้นที่ส่วนกลาง มีระบบเช็กอินออนไลน์ ระบบการตรวจวัดอุณหภูมิ และระบบอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ลดการสัมผัส ซึ่งการให้บริการดังกล่าวต้องอาศัยความร่วมมือกันระหว่างผู้ประกอบการตลอดห่วงโซ่เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีและความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว โดยผู้ประกอบการต้องใช้การตลาดเชิงรุกโดยเริ่มเข้าไปหาลูกค้าแทนการรอลูกค้ามาหา และนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ครบวงจรโดยออกแบบมาเป็นอย่างดีที่สุดสำหรับลูกค้า

ปรับกลยุทธ์รับ  New Normal เพื่อความอยู่รอด

ยกตัวอย่างเช่น สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มแพคเกจทัวร์ ผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวร่วมกับพันธมิตรอย่างสายการบินจัดให้มีบริการเที่ยวบินเฉพาะ (Charter flight) เพื่อรับลูกค้าที่มีความกังวลในการเดินทาง การจัดรถบัสที่มีมาตรฐานและปลอดภัยในการรับ-ส่งตลอดการท่องเที่ยวในไทย นอกจากนี้ ภายในโรงแรม/ที่พัก ควรมีการจัดพื้นที่เฉพาะเป็นสัดส่วนให้กับกลุ่มลูกค้า รวมถึงผู้ประกอบการอาจมีการนำการแสดงศิลปวัฒนธรรมมาจัดแสดงภายในโรงแรม/ที่พักเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ชม

เช่นเดียวกับการอำนวยความสะดวกในการซื้อของที่ระลึกและสินค้าพื้นเมือง โดยให้ร้านค้าชุมชนที่ได้มาตรฐานนำสินค้ามาจัดวางเป็นตัวอย่าง เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ชมและสามารถสั่งซื้อผ่านระบบออนไลน์ของร้านค้าหรือผ่านทางโรงแรม/ที่พัก ส่วนนักท่องเที่ยวกลุ่มที่เดินทางด้วยตนเอง (FIT) ผู้ประกอบการท่องเที่ยวอย่างสายการบิน ธุรกิจรถเช่า รถรับ-ส่ง ธุรกิจนำเที่ยวแบบ One Day Trip และโรงแรม/ที่พัก จับมือร่วมกันเป็นเครือข่ายพันธมิตรยกระดับมาตรฐานความปลอดภัย เพื่อให้นักท่องเที่ยวใช้บริการตลอดการเดินทางท่องเที่ยวในไทย


สำหรับผู้ประกอบการกลุ่มสถานที่ท่องเที่ยว เช่น สวนน้ำ/สวนสนุก สวนดอกไม้ พิพิธภัณฑ์ เป็นต้น ซึ่งในช่วงนี้คงต้องมีการจำกัดผู้ที่เข้ามาใช้บริการแต่ละวัน ผู้ประกอบการคงจะต้องมีการเปิดให้บริการเป็นรอบๆ โดยให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาลงทะเบียนเข้าชมผ่านระบบออนไลน์ เพื่อลดปัญหาการมารอหน้าสถานที่

​อย่างไรก็ดี ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า การดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการท่องเที่ยวภายใต้สภาวะ New Normal ยังเต็มไปด้วยความท้าทายสูง ประกอบกับปัญหาที่ตลาดมีจำนวนผู้ให้บริการที่มากกว่าผู้ใช้บริการหรือ Over Supply จะยิ่งกระตุ้นให้การแข่งขันทวีความรุนแรงขึ้น

ผู้ประกอบการกลุ่มที่ปรับผลิตภัณฑ์และบริการให้สามารถตอบโจทย์ผู้ใช้บริการได้อย่างลงตัวและตรงกับกลุ่มเป้าหมายจะอยู่รอด ขณะเดียวกันมีความเป็นไปได้ว่าผู้ประกอบการที่มีสายป่านทางการเงินสั้นและไม่สามารถปรับตัวได้ อาจต้องออกจากธุรกิจหรือถูกควบรวมกิจการ

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง