วันนี้ (30 พ.ค.2563) ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ชี้แจงกรณีที่นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.เพื่อไทย ระบุว่ากองทุนประกันสังคมมีเงินเบิกได้แค่ 16,000 ล้านบาท และองค์กรแคททำการศึกษาเมื่อปี 2560 ยกเลิกโครงการคอมพิวเตอร์ เลยต้องใช้ระบบแมนนวล และการแก้ไขกฎหมายให้คืนเงินประกันสังคมให้ลูกจ้างได้ใช้ โดยขอชี้แจงว่า เงินกองทุนประกันสังคมมีอยู่จำนวน 2,000,000 ล้านบาท อยู่ในรูปแบบต่างๆ เบิกยากง่ายตามหลักปกติ ของการบริหารกองทุนใหญ่ บางอย่างผลตอบแทนดีเบิกยาก บางอย่างผลตอบแทนน้อยเบิกง่าย เนื่องจากกองทุนมีอายุมานานแล้ว สามารถเบิกส่วนที่มีกำไรไปใช้ได้ โดยไม่ต้องเสี่ยงขายตราสารที่ขาดทุน
สำหรับกองทุนกรณีการว่างงานมีเงินอยู่ 160,000 ล้านบาท รวมดอกผล ซึ่งสามารถเบิกได้ทันทีทั้งหมด การชดเชยเหตุวิสัย กฎหมายให้ทำได้ โดยได้ออกกฎกระทรวง เมื่อวันที่ 17 เม.ย.2563 ขณะนี้มีผู้มายื่นเบิกจำนวน 1,380,000 คน จ่ายเสร็จแล้ว 1,320,000 คน คิดเป็นร้อยละ 95.65 ของผู้มายื่นทั้งหมด เป็น 7,916 ล้านบาท ซึ่งยังเป็นจำนวนที่น้อย เพราะจ่ายตามระยะเวลาที่เบิก ไม่ใช่จ่ายทั้ง 3 เดือนเช่นกระทรวงการคลัง
ส่วนคอมพิวเตอร์ที่สำนักงานประกันสังคมมีอยู่เป็นระบบแบทที่รับแบบจำนวนมากแล้วมาโปรเซสพร้อมกัน เมื่อมีผู้มายื่นแบบจำนวนมากในระยะแรก จึงต้องรับเรื่องมาก่อนแล้วมาโปรเซสทีหลัง ปัญหาที่ทำให้ล่าช้า เนื่องจากมีนายจ้างประมาณ 56,000 ราย ไม่ได้รับรองแบบมา ต้องสั่งให้ข้าราชการทุกกรมไปติดต่อนายจ้าง เนื่องจากการที่ลูกจ้างจะติดต่อนายจ้างเอง บางครั้งไม่สะดวกรวดเร็ว ทำให้ปัจจุบันจ่ายเงินได้เกือบทั้งหมดแล้ว สำหรับการซื้อระบบใหม่กำลังพิจารณาอยู่ว่าจะใช้เครื่องฮาร์ดแวร์เดิม โดยซื้อซอฟต์แวร์ใหม่เป็นระบบเว็บเบส หรือจะซื้อใหม่ทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์มาทำงานร่วมกัน ซึ่งย่อมมีประสิทธิภาพดีกว่า แต่ก็แพงกว่ามาก
ม.ร.ว.จัตุมงคล กล่าวอีกว่า ยังมีสมาชิกสภาหห่วงใยเกี่ยวกับแรงงานไทยที่ได้รับผลกระทบและเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ ขอเรียนว่ากระทรวงแรงงานสนับสนุนให้แรงงานเดินทางไปทำงานในต่างประเทศ โดยมีกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำต่างประเทศ ในกรณีประสบปัญหาต้องเดินทางกลับประเทศไทย เนื่องจากโรคระบาด สมาชิกจะได้รับเงินช่วยเหลือคนละ 15,000 บาท กระทรวงแรงงานยินดีสนับสนุนให้แรงงานเดินทางไปเอง โดยมีเอกชนดำเนินงานอยู่เกิน 330 แห่ง
ทั้งนี้ ในกรณีที่ไม่ใช่ประเทศหลัก กระทรวงแรงงานเข้าถึงได้ไม่ดีเท่ากับเอกชน และเอกชนจึงมีความสำคัญที่จะให้ความครอบคลุมกับแรงงานที่จะไปหางานทำในต่างประเทศ กระทรวงแรงงานมีทูตแรงงานอยู่ 13 แห่งใน 11 ประเทศคอยดูแลแรงงาน ทั้งที่กระทรวงแรงงานส่งเองและเอกชนส่งไปอย่างเท่าเทียมกันโดยไม่เลือกปฏิบัติ และในส่วนของการตรวจโรคโควิด-19 ก่อนการเดินทาง คิดว่าเป็นแนวความคิดที่ดี โดยเฉพาะสำหรับบางประเทศ ต้องขอขอบคุณมากสำหรับการเสนอแนะ และขอรับไปพิจารณาต่อไป