วันนี้ (30 พ.ค.2563) ตำรวจสืบสวนสถานีตำรวจนครบาลคลองตันตรวจยึดเป็นของกลางเป็นรถจักรยานจำนวน 28 คัน มูลค่ารวมกว่า 500,000 บาท รวมทั้งเสื้อและเครื่องแต่งกายที่ใช้ในวันเกิดเหตุที่ได้จากนายสมชาย คำขุนทด ที่บ้านพักย่าน ซ.รามคำแหง 39 เขตวังทองหลาง หลังสืบสวนพบว่าก่อเหตุตระเวนลักรถจักรยานตามห้างสรรพสินค้า สถานีรถไฟฟ้า บ้านพัก และคอนโดมิเนียมย่านลาดพร้าว ห้วยขวาง ลุมพินี เป็นต้น
พล.ต.ต.สามารถ ศรีสิริวิบูลย์ชัย ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 เปิดเผยว่า หลังจากตำรวจได้รับแจ้งความจากผู้เสียหายว่าถูกขโมยจักรยานคอนโดมิเนียมย่านพัฒนาการ จึงรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหา จนมาพบผู้ต้องหาอยู่ที่บ้านพร้อมของกลาง และรถจักรยานอีกหลายคัน จึงควบคุมตัวมาสอบสวน
ผู้ต้องหา รับสารภาพว่า เคยเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยของคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง และรู้ช่องทางเข้าออกรวมทั้งระบบรักษาความปลอดภัยอย่างดี โดยจะแต่งตัวคล้ายกับคนออกกำลังกายปั่นจักรยาน และเข้าไปในคอนโดมิเนียมเพื่อเลือกรถจักรยานที่จอดไว้ด้านล่างและล็อกกุญแจไม่แน่นหนา จากนั้นจะใช้คีมตัดเหล็กตัดแม่กุญแจออก และถอดระบบจีพีเอสติดตามออกก่อนขี่จักรยานออกไป
จากนั้นก็จะนำไปขายให้กับบุคคลที่ต้องการซื้อ ย่านรามคำแหง โดยอ้างว่า เป็นพนักงานของร้านขายจักรยาน แต่นำมาขายในราคาคันละ 2,000 - 3,000 บาท แต่ตำรวจสอบสวนแล้วพบว่า ผู้ต้องหาอ้างว่าไม่มีความรู้ด้านรถจักรยานจึงขายไปในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาด ทั้งที่ราคาบางคันอยู่ที่ 180,000 บาท
ขณะที่ผู้เสียหายที่อยู่ในคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งย่านรามคำแหง เล่าว่า จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด พบว่าก่อนเกิดเหตุผู้ต้องหาขี่รถจักรยาน และแต่งตัวเหมือนคนออกกำลังกายปั่นจักรยานเข้ามาที่คอนโดมิเนียม โดยเข้าช่องทางรถจักรยาน และอำพรางตัวเป็นคนที่พักอาศัยจึงไม่ต้องแลกบัตรเข้าภายใน จากนั้นก็มานำเอาจักรยานที่จอดอยู่ด้านล่างไป แล้วทิ้งจักรยานที่ขี่มาไว้ ในตอนแรกยังสงสัยว่าเหตุใดผู้ต้องหาถึงมาก่อเหตุลักทรัพย์ เนื่องจากรถที่ขโมยไปราคาเพียง 6,000 บาท แต่รถจักรยานที่นำมาจอดทิ้งไว้ราคากว่า 10,000 บาท
สำหรับรถจักรยานของกลางมีผู้มาแจ้งความร้องทุกข์ไว้แล้ว 8 คน ส่วนที่เหลือยังไม่มีผู้มาแจ้ง และเกิดเหตุในหลายท้องที่หากผู้เสียหายพบว่าถูกขโมยจักรยานสามารถมาดูของกลางได้ที่ สน.คลองตัน ส่วนผู้ที่รับซื้อจักรยานก็จะถูกดำเนินคดีในข้อหารับซื้อของโจร เบื้องต้น ตำรวจแจ้งข้อหาลักทรัพย์ผู้อื่นโดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้น ซึ่งจะถูกดำเนินคดีแยกเป็นคันละ 1 คดี รวม 28 คดี และประวัติของผู้ต้องหาพบเคยถูกดำเนินคดีลักทรัพย์นายจ้าง เมื่อปี 2560 จำคุก 1 ปี 4 เดือน และเพิ่งพ้นโทษคดียาเสพติดเมื่อปี 2561