วันนี้ (1 มิ.ย.2563) น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดินทางไปมอบนโยบายการแบนสารเคมีทางการเกษตรที่ สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 5 อ.สรรพยา จ.ชัยนาท เพื่อให้สารวัตรเกษตรและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไปทำความเข้าใจกับเกษตรกร และร้านจำหน่ายสารเคมีทางการเกษตร
จากข้อมูลพบว่า จ.ชัยนาท มีสต็อคการใช้สารเคมีเกษตรมากที่สุด มีร้านขายวัตถุอันตราย 347 ร้าน ในจำนวนนี้ 218 ร้านขายทั้ง 3 สาร และมีปริมาณสต็อค พาราควอต กว่า 40,000 ลิตร, ไกลโฟเซตอีกกว่า 60,000 ลิตร และคลอร์ไพริฟอสอีกกว่า 10,000 ลิตร
รวช.เกษตรฯ ยืนยันว่า ตั้งแต่วันนี้เกษตรกรไม่สามารถใช้สารเคมี 2 ชนิด คือ พาราควอต และคลอร์ไพริฟอส ได้อีกต่อไป และต้องนำส่งคืนให้กับร้านค้าที่ซื้อมา ภายใน 90 วัน นับตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. - 29 ส.ค.2563
สำหรับมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ที่ได้รับผลกระทบหลังยกเลิกใช้สารเคมีทั้ง 2 ชนิด กรมวิชาการเกษตรได้เตรียมไว้แล้ว รวมทั้งสารเคมีทดแทน ซึ่งมีประมาณ 16 ชนิด แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เพราะอาจจะถูกมองเป็นการชี้ช่องไปที่สารเคมีตัวใดตัวหนึ่ง
ขณะเดียวกันในวันที่ 9 มิ.ย.นี้ จะหารือร่วมกับสภาหอการค้า และสภาอุตสาหกรรมอาหาร ที่เรียกร้องให้ขยายเวลาการยกเลิกใช้สารเคมีเกษตร โดยอ้างว่า กระทบวัตถุดิบนำเข้ามาแปรรูปอาหารทั้งคนและสัตว์ จึงต้องทำให้เกิดความชัดเจน ว่ากระทบอย่างไร เพราะการยกเลิกสารเคมีทั้ง 2 ชนิด คือความร่วมมือจากหลายฝ่าย ที่ต้องการอาหารปลอดภัยและสุขภาพที่ดี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ราชกิจจาฯ เผยแพร่คำสั่งเรียกคืนพาราควอต-คลอร์ไพริฟอส