วันนี้ (8 มิ.ย.2563) สำนักข่าวบีบีซี และสำนักข่าวเอเอฟพี รายงานว่า จาซินดา อาร์เดิร์น นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ เปิดเผยว่า เป็นเรื่องน่ายินดีที่ผู้ป่วย COVID-19 คนสุดท้ายออกจากการกักตัวแล้ว ขณะเดียวกันนิวซีแลนด์ก็ไม่มีรายงานผู้ป่วย COVID-19 รายใหม่ต่อเนื่องกันเป็นเวลา 17 วันแล้ว ส่งผลให้รัฐบาลเตรียมพิจารณาความพร้อมสำหรับการผ่อนปรนมาตรการต่างๆ ทั้งโรงเรียนและสถานที่ทำงานทั้งหมดจะสามารถกลับมาเปิดได้อีกครั้ง เช่นเดียวกับการจัดงานแต่งงาน งานศพ และการให้บริการด้านขนส่งสาธารณะจะสามารถดำเนินการต่อได้โดยไม่มีข้อจำกัด
นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ ยังระบุอีกว่า รัฐบาลมุ่งเน้นให้ธุรกิจและร้านค้าต่างๆ กลับมาเปิดให้บริการได้ตามปกติ เพื่อหวังฟื้นฟูเศรษฐกิจในประเทศ แต่ยังไม่มีแผนสำหรับการเปิดพรมแดนในเร็วๆ นี้ โดยชาวนิวซีแลนด์ทุกคนที่เดินทางมาจากต่างประเทศจะยังต้องแยกตัวหรือกักกัน 14 วัน
สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ในนิวซีแลนด์นั้นเริ่มมีการระบาดอย่างรุนแรงในวันที่ 25 มี.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้รัฐบาลต้องดำเนินการตามมาตรการป้องกันด้านสาธารณสุขในระดับที่ 4 พร้อมสั่งปิดกิจการและกิจกรรมต่างๆ รวมถึงธุรกิจขนาดใหญ่และโรงเรียนด้วย
หลังจากผ่านไป 5 สัปดาห์ สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย ในช่วงเดือน เม.ย.รัฐบาลนิวซีแลนด์เริ่มคลายล็อกโดยอนุญาตให้ร้านอาหารกลับมาเปิดให้บริการได้ แต่กำหนดให้ซื้อกลับบ้านเท่านั้น ส่วนกิจกรรมที่ไม่จำเป็นยังไม่สามารเปิดทำการได้ ท่ามกลางจำนวนผู้ป่วย COVID-19 ที่ลดลงต่อเนื่องจนถึงกลางเดือน พ.ค.ส่งผลให้มีการลดระดับการป้องกันด้านสาธารณสุขลงเป็นระดับที่ 2
กระทั่ง สถานการณ์เริ่มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้นิวซีแลนด์ไม่มีรายงานผู้ป่วย COVID-19 รายใหม่ตลอด 17 วันที่ผ่านมา จึงได้มีการประกาศลดระดับการป้องกันด้านสาธารณสุขลงเป็นระดับที่ 1 ซึ่งเร็วกว่าแผนเดิมที่กำหนดไว้ว่าจะมีการคลายล็อกในวันที่ 22 มิ.ย.ที่จะถึงนี้ โดยประชาชนจะสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยไม่มีการบังคับให้เว้นระยะห่างทางสังคม แต่รัฐบาลยังสนับสนุนให้ทุกคนป้องกันตนเองต่อเนื่อง
ทั้งนี้ นิวซีแลนด์มีผู้ป่วย COVID-19 สะสมแล้ว 1,154 คน และเสียชีวิต 22 คน นับตั้งแต่เริ่มมีการระบาดของ COVID-19 ช่วงปลายเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา โดยนิวซีแลนด์ได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางในการรับมือกับวิกฤต COVID-19 ครั้งนี้เป็นอย่างมาก